คำสั่งคำร้องที่ 199/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ทวิจึงมีคำสั่งไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้กักกันจำเลยมีกำหนด 3 ปีเมื่อพ้นโทษแล้วด้วยนั้น จำเลยจึงสามารถฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ไม่ต้องห้ามฎีกาตามกฎหมาย นอกจากนี้ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์ครบถ้วนตามมาตรา 158 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้และไม่อาจเข้าใจข้อหาของโจทก์ได้ดีนั้นก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 29 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(3)(8) ให้จำคุก 3 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่ง ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 จำคุก 4 ปี 6 เดือน จำเลย ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 3 เดือน ส่วนที่โจทก์ขอให้กักกันจำเลยนั้น เห็นว่าศาลพิพากษาลงโทษ จำเลยในคดีที่ฟ้องแล้ว จึงให้ยกคำขอ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เมื่อจำเลยพ้นโทษแล้วให้กักกันจำเลยมีกำหนด 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 41นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 26 แผ่นที่ 3)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 29 แผ่นที่ 2)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยฎีกาโดยสรุปว่า จำเลยเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้กักกันจำเลยมีกำหนด 3 ปี ด้วยนั้น จำเลยไม่เห็นด้วยเพราะการลงโทษกักกันตามที่โจทก์ขอมานั้น เป็นการลงโทษแก้แค้น ทดแทนเพิ่มเติมเป็นผลร้ายแก่จำเลย เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ในปัญหาวิธีการเพื่อความปลอดภัยอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งต้องห้าม มิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ทวิ วรรคแรก ให้ยกคำร้อง

Share