คำสั่งคำร้องที่ 166/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยเป็น ฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ประกอบผู้เสียหายจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 4 ไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยในประเด็นที่ว่าศาลอุทธรณ์ไม่รอการลงโทษจำเลย เพราะได้แปลความหมายหมายของบทกฎหมาย ผิดไป เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาในปัญหา ข้อกฎหมายของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300,91 ที่แก้ไขแล้ว ผู้เสียหายจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43,78,157,160 ที่แก้ไขแล้ว ลดโทษให้กึ่งหนึ่งลงโทษฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 3 เดือน ลงโทษฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก จำคุก 1 เดือน รวมโทษจำคุก 4 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 39)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 44)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาจำเลยที่ว่า ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงไม่มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาก็ดี เหตุผลที่ไม่รอการลงโทษของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แตกต่างกันก็ดี ความผิดที่จำเลยก่อขึ้นไม่ร้ายแรงและเข้าข่ายเป็นเหตุสุดวิสัยหรืออุบัติเหตุ ก็ดี และศาลสูงควรรอการลงโทษให้จำเลยก็ดี เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share