แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค จำเลยต่อสู้ว่าเช็คนั้นไม่ใช่เช็คของห้างหุ้นส่วนเป็นเช็คส่วนตัวของจำเลยที่ 2 การสลักหลังเช็คไม่ใช่วัตถุประสงค์ของห้าง อีกทั้งตราที่ประทับมิใช่ตราของห้างที่จดทะเบียนไว้ห้างและผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ต้องรับผิด เมื่อจำเลยปฏิเสธความรับผิดในเช็คเช่นนี้ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะนำสืบได้ว่าเช็คนั้นเป็นเช็คของห้างซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนจะต้องรับผิดและนำสืบได้ว่าหนี้สินของหุ้นส่วนนั้นเป็นมาอย่างไร
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการกับหุ้นส่วนได้เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับโจทก์สั่งซื้อสินค้า เมื่อได้รับสินค้ามาแล้วและจำหน่ายหมดไปแล้ว จำเลยที่ 2 จึงได้จ่ายเช็คของจำเลยที่ 2 เองชำระหนี้แก่โจทก์เพราะเช็คของห้างหมดและธนาคารปิดบัญชี การที่จำเลยที่ 2เซ็นชื่อสลักหลังไปในเช็คโดยเอาตราของห้างซึ่งใช้เป็นประจำประทับลงไปแสดงว่ากระทำในนามของห้าง ชำระหนี้ของห้างกิจการที่กระทำนี้อยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของห้างดังนี้ ห้างหุ้นส่วนและผู้เป็นหุ้นส่วนจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 2, 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 4, 5,6, 7, 8, 9 เป็นหุ้นส่วน จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 ต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้สินของห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 โดยไม่จำกัดจำนวนโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นผู้สั่งจ่าย แล้วจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการได้ลงชื่อสลักหลังประทับตราห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ให้แก่โจทก์เมื่อถึงกำหนดโจทก์ได้ยื่นเช็คเพื่อเรียกเก็บเงินต่อธนาคาร แต่เงินในบัญชีของจำเลยที่ 2 มีไม่พอจ่าย จำเลยที่ 1, 2 จึงต้องรับผิดในฐานะผู้สั่งจ่ายและสลักหลัง และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 ในฐานะเป็นหุ้นส่วนของจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 โดยไม่จำกัดจำนวน
จำเลยต่อสู้ว่า เช็คที่โจทก์ฟ้องเป็นเช็คส่วนตัวของจำเลยที่ 2 มิใช่ของห้าง การสลักหลังเช็คไม่ใช่วัตถุประสงค์ของห้าง และตราที่ประทับสลักหลังเช็คไม่ใช่ตราสำคัญของห้าง ห้างและหุ้นส่วนไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทุกคนร่วมกันใช้เงินตามเช็ค
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เป็นการฟ้องเรียกเงินตามเช็ค มิได้กล่าวว่ามีอะไรกันอยู่เมื่อใดให้รู้สภาพและลักษณะแห่งหนี้เดิม เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเช็ครายพิพาทเป็นเช็คส่วนตัวของจำเลยที่ 2 และตราที่ประทับสลักหลังก็ไม่ใช่ตราสำคัญของห้างจำเลยที่ 1 ที่จดทะเบียนไว้ จำเลยที่ 1, 3, 5, 7, 8, 9 ที่อุทธรณ์ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ และศาลอุทธรณ์เห็นต่อไปว่า ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟังมาอันเป็นการนำสืบพิสูจน์ถึงมูลแห่งหนี้นั้นเป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น และมิใช่เป็นข้อเท็จจริงที่จะพึงยกขึ้นกล่าวอ้างเป็นประเด็นในคดีได้ พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์ แม้จะเป็นการฟ้องเรียกเงินตามเช็ค แต่จำเลยก็ให้การต่อสู้ตั้งประเด็นว่าเช็คนั้นไม่ใช่เป็นเช็คของห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 เป็นเช็คส่วนตัวของจำเลยที่ 2 การสลักหลังเช็คไม่ใช่วัตถุประสงค์ของห้าง ทั้งตราที่ ประทับก็มิใช่ตราของห้างที่จดทะเบียนไว้ ห้างและหุ้นส่วนจึงไม่ต้องรับผิด อันเป็นการปฏิเสธความรับผิดในเช็คนั้น โจทก์จึงมีสิทธิที่จะนำสืบได้ว่าเช็คนั้นเป็นเช็คของห้างที่จำเลยทุกคนซึ่งเป็นหุ้นส่วนจะต้องรับผิด และนำสืบได้ว่าหนี้สินของห้างมีเป็นมาอยู่อย่างไร อันทำให้จำเลยที่ 2 ต้องออกและสลักหลังเช็คไปเช่นนั้น การที่ศาลชั้นต้นรับฟังข้อเท็จจริงนี้มา จึงไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น ดังที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัย
ที่จำเลยเถียงความรับผิดว่า เช็คนั้นมิใช่เช็คของห้าง และตราที่ประทับก็มิใช่ตราของห้างที่จดทะเบียนไว้ อีกทั้งมิได้อยู่ในวัตถุประสงค์ของห้างตามที่ได้จดทะเบียนไว้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ในการจัดการห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 นี้ จำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการแต่ลำพังคนเดียว และห้างจำเลยที่ 1 ได้ติดต่อเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตต่อโจทก์สั่งสินค้ารายนี้มา ทั้งได้รับสินค้ามาและจำหน่ายไปหมดแล้ว จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการได้ชำระหนี้ที่ค้างโดยออกเช็คของจำเลยที่ 2 เองเพราะเช็คของห้างหมดและธนาคารปิดบัญชี การที่จำเลยที่ 2 เซ็นชื่อสลักหลังไปในเช็คโดยเอาตราของห้างซึ่งใช้อยู่เป็นประจำประทับลงไป แสดงว่ากระทำในนามของห้างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ยืนยันว่าได้กระทำลงไปในฐานะผู้จัดการ เมื่อจำเลยที่ 2 ได้สลักหลังเช็คเพื่อใช้หนี้ที่ห้างจำเลยที่ 1 เป็นหนี้ในนามของห้างหุ้นส่วน ซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนจะต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้น กิจการที่จำเลยที่ 2 กระทำไปอยู่ในขอบวัตถุประสงค์ในการค้าของห้างตามที่จดทะเบียนไว้ แม้ตราที่จำเลยที่ 2 ใช้ประทับจะมิใช่ตราตามที่จดทะเบียนไว้แต่เป็นตราที่ใช้ในกิจการของห้างหุ้นส่วน ห้างหุ้นส่วนและผู้เป็นหุ้นส่วนจึงพ้นจากความรับผิดที่จะปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้นได้ไม่
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น