แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาคัดค้านดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาจำเลยจำเลยเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยเหตุผลของคดีโดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนสนับสนุนอย่างชัดแจ้ง แต่ได้วินิจฉัยอาศัยข้อสันนิษฐานของศาลเองและการคาดคะเนความเห็นเป็นประการสำคัญแล้วพิพากษาลงโทษจำเลย ตามข้อสันนิษฐานและข้อคาดคะเนดังกล่าวนั้นจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุก 2 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 88แผ่นที่ 2)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 90)
คำสั่ง
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 2 เดือน ที่จำเลยฎีกาว่า ถ้าหากนางมยุรี ได้รับประโยชน์ตอบแทนในการรับแลกเช็คแล้ว นางมยุรีควรเก็บเช็คไว้ เหตุไรนางมยุรีจึงนำเช็คไปแลกเงินจากโจทก์อีก และว่าถ้าหากนางมยุรีนำเช็คไปแลกเงินจากโจทก์จริงโจทก์น่าจะให้นางมยุรีลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คไว้ด้วยนั้น เป็นการแสดงเหตุผลเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง