คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4405/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยจอดหยุดรถอยู่ในช่องทางเดินรถด้านขวาซึ่งอยู่ติดกับช่องว่างของเกาะกลางถนนเพื่อรอเลี้ยวกลับรถ แล้ว ก. ขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความประมาทมาชนท้ายรถที่จำเลยขับ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหาย อันจำเลยจะต้องหยุดรถให้ความช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพราะจำเลยมิได้เป็นผู้ขับรถที่กำลังแล่นอยู่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯมาตรา 78, 160 วรรคแรก จำเลยรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่าวันเกิดเหตุจำเลยขับรถยนต์บรรทุกหกล้อไปจอดหยุดรถในช่องทางเดินรถด้านขวา ซึ่งอยู่ติดกับช่องว่างของเกาะกลางถนนเพื่อจะเลี้ยวกลับรถและนายกฤษฎา วรธรรม ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความประมาทชนท้ายรถที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย และนายกฤษฎาได้รับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ส่วนจำเลยหลบหนีโดยไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือแก่นายกฤษฎาและไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที คดีมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 ตามฎีกาของโจทก์หรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า แม้พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78บัญญัติว่า ผู้ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินจะต้องหยุดรถให้ความช่วยเหลือพร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที ไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับขี่หรือไม่ก็ตาม แต่ผู้ขับรถที่จะถือว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายและต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวจะต้องเป็นผู้ขับรถที่กำลังแล่นอยู่ หาใช่กรณีผู้ขับรถที่จอดรถอยู่หรือหยุดอยู่ไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยจอดหยุดรถในช่องทางเดินรถด้านขวาซึ่งอยู่ติดกับช่องว่างของเกาะกลางถนนเพื่อรอเลี้ยวกลับรถ แล้วนายกฤษฎาขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความประมาทมาชนท้ายรถที่จำเลยขับ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหาย อันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78, 160 วรรคแรก ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share