แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จึงไม่รับจำเลยเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษารอการลงโทษจำเลยไว้และให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ และจ่ายค่าสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 48,72 วรรคสอง ไม่ลงโทษปรับ ไม่รอการลงโทษ และไม่คุมความประพฤติจำเลย เป็นการแก้ไขมากและกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งอยู่ในข้อกฎหมาย ที่จำเลยฎีกาได้โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่า โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 4,6,7,47,48,73,74,74 จัตวาประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,32 ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาทจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปีและให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้งมีกำหนดระยะเวลา 1 ปี ของกลางริบและจ่ายค่าสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับที่ชำระต่อศาลแก่ผู้นำจับ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48,73 วรรคสอง ไม่ลงโทษปรับ ไม่รอการลงโทษและไม่คุมความประพฤติจำเลย งดจ่ายสินบนนำจับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 45)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 51)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น จากการรอการลงโทษจำเลย เป็นไม่รอการลงโทษ เป็นการแก้ไขมากและเพิ่มเติมโทษจำเลย จึงไม่ต้องห้ามจำเลยที่จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา219ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 12จึงให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณา ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์แก้ภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันรับ