คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10112/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้คดีที่ผู้คัดค้านถูกฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง ซึ่งตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 32 บัญญัติให้การยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลย รวมทั้งทรัพย์สินของผู้อื่นที่ได้ยึดหรืออายัดไว้เนื่องจากเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดของจำเลยนั้นสิ้นสุดลง ดังนั้น ศาลต้องคืนทรัพย์สินให้ผู้คัดค้านรวมทั้งทรัพย์สินของผู้อื่นที่ได้ยึดหรืออายัดไว้เนื่องจากเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดของผู้คัดค้าน แต่เนื่องจากทรัพย์สินที่ยึดรายการที่ 1 เป็นเงินสด 130,000 บาท เป็นเงินของผู้คัดค้าน 10,000 บาท ของนางสาวกฤดสะหนา 100,000 บาท ของนายคำพูวา 15,000 บาท และของนายแล่น้อย 5,000 บาท เมื่อปรากฏว่านางสาวกฤดสะหนาพี่สาวของผู้คัดค้านเป็นจำเลยที่ 3 ในคดีอาญาที่ศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดว่าร่วมกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ถือว่านางสาวกฤดสะหนามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงเข้าข้อสันนิษฐานว่าทรัพย์สินของนางสาวกฤดสะหนาเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามมาตรา 29 วรรคสอง เมื่อนางสาวกฤดสะหนาไม่ยื่นคำคัดค้านต่อสู้คดีนี้ เงินสดจำนวน 100,000 บาท เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ศาลจึงต้องริบ

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ริบทรัพย์สินดังกล่าวให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3, 15, 22, 27, 29, 31
ศาลชั้นต้นได้สั่งให้ประกาศในหนังสือพิมพ์ตามกฎหมายแล้ว
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้มีคำสั่งให้คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินคืนทรัพย์สินให้ผู้คัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ริบทรัพย์สินตามคำร้องทั้ง 4 รายการให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 27, 29, 31
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อคดีอาญาซึ่งเป็นเหตุให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีคำสั่งให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้คัดค้านและผู้ร้องได้ยื่นคำร้องเป็นคดีนี้ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 32 บัญญัติให้การยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยรวมทั้งทรัพย์สินของผู้อื่นที่ได้ยึดหรืออายัดไว้เนื่องจากเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดของจำเลย เป็นอันสิ้นสุดลง ดังนั้น ศาลจึงต้องคืนทรัพย์สินให้ผู้คัดค้านรวมทั้งทรัพย์สินของผู้อื่นที่ได้ยึดหรืออายัดไว้เนื่องจากเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดของผู้คัดค้าน แต่เนื่องจากทรัพย์สินที่ยึดรายการที่ 1 เป็นเงินสด จึงเข้าข้อสันนิษฐานว่าทรัพย์สินส่วนของนางสาวกฤดสะหนาเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 29 วรรคสอง เมื่อนางสาวกฤดสะหนาไม่ยื่นคำคัดค้านต่อสู้คดีนี้ เงินสดจำนวน 100,000 บาท ซึ่งนางสาวกฤดสะหนาเป็นเจ้าของจึงเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 29 ศาลจึงต้องริบ ส่วนเงินฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาฟิวเจอร์มาร์ท พระราม 3 บัญชีเลขที่ 045-1-25237-7 และเงินสด 10,000 บาท ของผู้คัดค้าน เงินสด 15,000 บาท ของนายคำพูวา และเงินสด 5,000 บาท ของนายแล่น้อย เป็นทรัพย์สินที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดรายนี้ จึงต้องคืนแก่เจ้าของ สำหรับเงินฝากในบัญชีสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขามุกดาหาร บัญชีเลขที่ 312-0-73743-6 ชื่อบัญชี MR.BOUASONE และเงินฝากในบัญชีสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขามุกดาหาร บัญชีเลขที่ 312-0-71300-7 ชื่อบัญชี MRS.KALOUNA นั้น ศาลชั้นต้นฟังว่านางกฤดสะหนาเคยนำเงินเข้าฝากในบัญชีดังกล่าวเป็นเงินจำนวนมาก 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้คัดค้านไม่อุทธรณ์ฎีกา จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แม้ผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอให้ริบเงินสด 130,000 บาท ของผู้คัดค้านและเงินฝากในบัญชีสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขามุกดาหาร บัญชีเลขที่ 312-0-73743-6 ชื่อบัญชี MR.BOUASONE กับเงินฝากในบัญชีสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขามุกดาหาร บัญชีเลขที่ 312-0-71300-7 ชื่อบัญชี MRS.KALOUNA ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดของผู้คัดค้านเพียงคนเดียว แต่ทางพิจารณาได้ความว่าผู้คัดค้านไม่ได้กระทำความผิดในคดีนี้ ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด แต่คดีอาญาที่ผู้คัดค้านถูกฟ้องมีจำเลยหลายคน และทรัพย์สินบางส่วนในจำนวนดังกล่าว ข้อเท็จจริงกลับฟังได้ว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลยอื่นที่กระทำความผิดหรือเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดของจำเลยอื่น ศาลก็มีอำนาจริบได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบทรัพย์สินตามคำร้องทั้ง 4 รายการ ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คืนเงินฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาฟิวเจอร์มาร์ท พระราม 3 บัญชีเลขที่ 045-1-25237-7 และเงินสด 10,000 บาท แก่ผู้คัดค้าน คืนเงินสด 15,000 บาท แก่นายคำพูวา และคืนเงินสด 5,000 บาท แก่นายแล่น้อย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share