แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ศาลฎีกาอนุญาตให้ทุเลาการบังคับจำเลยไว้ในระหว่างฎีกาโดยให้จำเลยหาหลักประกันมาวางต่อศาลชั้นต้น จำเลยได้หาหลักประกันมาวางต่อศาลชั้นต้นถูกต้องตามคำสั่งของศาลฎีกาแล้วกล่าวคือในส่วนที่ต้องชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คิดถึงวันฟังคำสั่งศาลฎีกา จำเลยได้นำหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) มาวางเป็นประกันเพียงพอกับจำนวนหนี้แล้ว และในส่วน ค่าเสียหายรายเดือน จำเลยได้นำสมุดเงินฝากประจำซึ่งธนาคารผู้รับฝากได้รับรองแล้วว่าจะไม่มีการถอนเงินฝากดังกล่าว มาวางเป็นประกันเพียงพอสำหรับชำระหนี้ค่าเสียหายรายเดือนเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองปีนับแต่วันที่ฟังคำสั่งศาลฎีกาโปรดมีคำสั่งให้รับหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นหลักประกัน ในการทุเลาการบังคับด้วย
หมายเหตุ ทนายโจทก์ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่2 ธันวาคม 2535 คัดค้านว่า ในส่วนค่าเสียหายรายเดือน ศาลฎีกากำหนดไว้ชัดแจ้งให้จำเลยนำเงินมาวางต่อศาลชั้นต้นทุกวันที่ 5 ของเดือนนับแต่วันทราบคำสั่ง แต่จำเลยฝ่าฝืนไม่นำเงินค่าเสียหายมาวางต่อศาลชั้นต้นตั้งแต่เดือนแรกนับแต่วันทราบคำสั่งจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกันจึงเป็นการผิดนัด มีผลทำให้จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกาทันที ส่วนที่จำเลยขอให้รับหลักทรัพย์สมุดเงินฝากประจำเป็นหลักประกันในการทุเลาการชำระหนี้ค่าเสียหายรายเดือน เป็นการขัดต่อคำสั่งศาลฎีกาที่ให้จำเลยต้องวางเงินค่าเสียหายรายเดือน โปรดมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกาด้วย(ถ้อยคำสำนวนอันดับ 14)
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท และให้ส่งมอบที่ดินพิพาทพร้อมตึกแถวให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลยชำระค่าเสียหายเดือนละ21,000 บาท แก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินพิพาทและส่งมอบที่ดินพิพาทพร้อมตึกแถวแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย
จำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ(อันดับ 71 แผ่นที่ 2,72 แผ่นที่ 2) ศาลฎีกามีคำสั่งว่าพิเคราะห์แล้วถ้าจำเลยหาประกันสำหรับค่าเสียหายเดือนละ21,000 บาท ที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คิดถึงวันฟังคำสั่งนี้ มาวางศาลให้เป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกาสำหรับค่าเสียหายเดือนต่อ ๆ ไป ให้จำเลยนำมาวางศาลชั้นต้นภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน หากผิดนัดเดือนใดก็ไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับต่อไป (คำสั่งคำร้องศาลฎีกาที่ 1825/2535)
ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งศาลฎีกาให้จำเลยฟังและมีคำสั่งให้นัดพิจารณาหลักประกันในวันที่ 18 กันยายน 2535 โดยให้จำเลยวางหลักประกันต่อศาลก่อนวันนัด 15 วัน(ถ้อยคำสำนวนอันดับ 15 แผ่นที่ 2 หน้าหลัง)
วันนัดพิจารณาหลักประกัน นายวิเชียรชื่นชม บุตรโจทก์ยื่นคำร้องว่าโจทก์ถึงแก่กรรม ขอเข้ารับมรดกความ แทนที่โจทก์ ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าว โดยไม่ปรากฏว่ามีการพิจารณาหลักประกัน (ถ้อยคำสำนวน อันดับ 3,12)
ระหว่างการไต่สวนคำร้องขอรับมรดกความ ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2535ว่าทนายผู้ร้อง (โจทก์) ยื่นคำแถลงว่าจำเลยไม่วางเงินค่าเสียหายรายเดือนนับตั้งแต่เดือนแรกถึงปัจจุบันเป็นจำนวน3 งวด ทนายจำเลยแถลงขอนำสมุดเงินฝากประจำธนาคาร มาวาง ทนายผู้ร้อง (โจทก์) คัดค้านว่าจำเลยต้องวางเงิน ตามคำสั่งศาลฎีกา มิใช่วางหลักทรัพย์ประกัน ทนายจำเลย จึงขอ นำเงินจำนวน 3 งวด มาวางภายใน 15 วัน (ถ้อยคำสำนวน อันดับ 12)
ต่อมา ทนายจำเลยยื่นคำร้องนี้ และทนายโจทก์ ยื่นคำร้องคัดค้านดังกล่าวศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งถ้อยคำสำนวนให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่ง (ถ้อยคำสำนวน อันดับ 13,14)
ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้นายวิเชียรชื่นชม เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์แล้ว (คำสั่งคำร้องศาลฎีกาที่ 3452/2535)
คำสั่ง
กรณีเป็นเรื่องที่จำเลยขอให้ศาลรับหลักประกันในการขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา ซึ่งศาลชั้นต้นมีหน้าที่ที่จะใช้ดุลพินิจในการสั่ง จึงให้ส่งคำร้องของ จำเลยไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณามีคำสั่งต่อไป