คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1756/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ข้อ 3 (1) ที่อ้างว่า ในเขตพระโขนง ย. ได้คะแนนตามภาพถ่ายป้ายประกาศเพียง 18,976 คะแนน ต่อมาได้มีการเพิ่มขึ้นอีก 1,154 คะแนน เป็น 20,130 คะแนน เมื่อรวมทั้งเขตเลือกตั้งที่ 3 จึงมีคะแนนมากกว่าผู้ร้องจำนวน 231 คะแนน หากไม่มีการเพิ่ม ผู้ร้องจะเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งโดยมีคะแนนมากกว่า ย. 923 คะแนนนั้น คำร้องข้อนี้ผู้ร้องมิได้บรรยายแจ้งชัดว่ามีการเพิ่มคะแนนกันอย่างไร ที่หน่วยไหน เป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องข้อ 3 (2) อ้างว่ามีการเพิ่มคะแนนให้ ย. ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 2 ตำบลหนองจอก เขตหนองจอก จาก 66 คะแนนเป็น 666 คะแนน เพิ่มขึ้นอีก 600 คะแนน คำร้องข้อ 3 (3) อ้างว่ามีการเพิ่มคะแนนให้ ย. ที่หน่วยเลือกตั้งในเขตพระโขนง โดยนับบัตรเสียของ ย.ประมาณ 5,000 บัตร เป็นบัตรดี และนับบัตรดีของผู้ร้องประมาณ 9,200 บัตร เป็นบัตรเสีย ผู้ร้องมิได้บรรยายว่าบัตรชนิดใดเป็นบัตรเสีย แต่กรรมการตรวจคะแนนถือว่าเป็นบัตรดี และบัตรชนิดใดที่เป็นบัตรดี แต่กรรมกาตรวจคะแนนถือว่าเป็นบัตรเสีย เพราะบัตรเลือกตั้งที่กฎหมายถือว่าเป็นบัตรเสียนั้น ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2511 มาตรา 58 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2517 มาตรา 19 ได้บัญญัติไว้ถึง 5 ประเภทด้วยกัน ที่ผู้ร้องกล่าวคลุม ๆ มาดังกล่าว หาชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 ไม่
คำร้องข้อ 3 (4) อ้างว่า เพื่อเป็นคุณแก่ ย. และเพื่อเป็นโทษแก่ผู้ร้อง มีการทุจริตจงใจนับคะแนนให้ผิดความจริง ฯลฯ เห็นว่า แม้ผู้ร้องจะระบุว่ามีการกระทำดังกล่าวในหน่วยเลือกตั้งบางหน่วยและหน่วยอื่น ๆ อีก พอแปลความได้ว่า ทุกหน่วยเลือกตั้งก็ตาม แต่ผู้ร้องก็มิได้บรรยายโดยแจ้งชัดว่ามีการจงใจนับคะแนนให้ผิดความจริงอย่างไร เพิ่มหรือลดจำนวนคะแนนผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใด เท่าใด การรวมคะแนนและการลงคะแนนในรายงานแสดงผลการนับคะแนน การแก้ตัวเลขในรายงาน การแก้จำนวนคะแนนของผู้สมัครรับเลือกตั้งคนอื่น การลงเครื่องหมายผู้ขอรับบัตรเพิ่มขึ้น ผิดความจริงไปอย่างไร คำร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องและขอเพิ่มเติมคำร้องปรากฏตามคำร้องข้อ ๑ และข้อ ๒ ว่า ผู้ร้องที่ ๑ เป็นพรรคการเมือง เลขทะเบียนที่ ๑๙/๒๕๑๗ โดยหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ปราโมช เป็นหัวหน้าพรรค ผู้ร้องที่ ๒ เป็นสมาชิกของผู้ร้องที่ ๑ และเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งที่ ๓ หมายเลข ๖ กำหนดลงคะแนนวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๘ กรุงเทพมหานครได้ประกาศผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๑๘ ว่า ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข ๘,๙ และ ๑๐ เป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง เฉพาะนายยวด เลิศฤทธิ์ ผู้สมัครหมายเลข ๑๐ ได้คะแนน ๒๒,๓๗๑ คะแนน มาเป็นลำดับที่ ๓ มากกว่าผู้ร้องที่ ๒ จำนวน ๒๓๑ คะแนน การเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ ๓ เฉพาะนายยวด เลิศฤทธิ์ เป็นไปโดยมิชอบ มีการทุจริตถึงขนาดและผิดกฎหมายหลายประการ คือมีการเพิ่มคะแนนให้นายยวด และเพื่อเป็นคุณแก่นายยวด และเพื่อเป็นโทษแก่ผู้ร้องที่ ๒ มีการทุจริตโดยจงใจนับคะแนนให้ผิดความจริง ลงจำนวนคะแนนรวมของแต่ละหน่วยเลือกตั้งในรายงานแสดงผลการนับคะแนนให้ผิดความจริง แก้ตัวเลขในรายงานแสดงผลการนับคะแนนเพื่อให้จำนวนตรงกับจำนวนบัตรในหีบบัตรเลือกตั้งที่ได้นำใส่ไว้โดยผิดกฎหมาย แก้จำนวนคะแนนของผู้สมัครรับเลือกตั้งคนอื่นเพื่อให้จำนวนคะแนนรวมไม่เกินจำนวนรวมของบัตรที่มีอยู่ในหีบบัตรและลงเครื่องหมายผู้มาขอรับบัตรเลือกตั้งเพิ่มขึ้น ฯลฯ ขอให้ศาลมีคำสั่งว่านายยวด เลิศฤทธิ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข ๑๐ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งที่ ๓ เป็นไปโดยมิชอบ ให้มีการเลือกตั้งใหม่แทนนายยวด เลิศฤทธิ์ ต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยพลตำรวจตรีอรรถสิทธิ สิทธิสุนทร รัฐมนตรีว่าการ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยนายศิริ สันตะบุตร ผู้ว่าการ และนายยวด เลิศฤทธิ์ ยื่นคำคัดค้านและเพิ่มเติมคำคัดค้านว่า ไม่มีการเพิ่มคะแนนให้นายยวด คำร้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายแล้ว ทำความเห็นส่งมาศาลฎีกาว่า เห็นควรให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้องข้อแรกคือ ข้อ ๓ (๑) ที่อ้างว่าในเขตพระโขนง นายยวด เลิศฤทธิ์ ได้คะแนนตามภาพถ่ายป้ายประกาศเพียง ๑๘,๙๗๖ คะแนน ต่อมาได้มีการเพิ่มขึ้นอีก ๑,๑๕๔ คะแนน เป็น ๒๐,๑๓๐ คะแนน เมื่อรวมทั้งเขตเลือกตั้งที่ ๓ จึงมีคะแนนมากกว่าผู้ร้องที่ ๒ จำนวน ๒๓๑ คะแนน หากไม่มีการเพิ่ม ผู้ร้องที่ ๒ จะเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง โดยมีคะแนนมากกว่านายยวด เลิศฤทธิ์ ๙๒๓ คะแนนนั้น เห็นว่าคำร้องข้อนี้ผู้ร้องมิได้บรรยายแจ้งชัดว่ามีการเพิ่มคะแนนกันอย่างไร ที่หน่วยไหน เป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องข้อ ๓ (๒) อ้างว่า มีการเพิ่มคะแนนให้นายยวดที่หน่วยเลือกตั้งที่ ๒ ตำบลหนองจอก เขตหนองจอก จาก ๖๖ คะแนน เป็น ๖๖๖ คะแนน เพิ่มขึ้นอีก ๖๐๐ คะแนน นั้น รับฟังไม่ได้ คำร้องข้อ ๓ (๓) อ้างว่ามีการเพิ่มคะแนนให้นายยวด เลิศฤทธิ์ ที่หน่วยเลือกตั้งในเขตพระโขนง โดยนับบัตรเสียของนายยวดประมาณ ๕,๐๐๐ บัตรเป็นบัตรดี และนับบัตรดีของผู้ร้องที่ ๒ ประมาณ ๙,๒๐๐ บัตรเป็นบัตรเสีย ในข้อนี้เห็นว่าผู้ร้องมิได้บรรยายว่าบัตรชนิดใดเป็นบัตรเสีย แต่กรรมการตรวจคะแนนถือว่าเป็นบัตรดี และบัตรชนิดใดที่เป็นบัตรดี แต่กรรมการตรวจคะแนนถือว่าเป็นบัตรเสีย อันบัตรเลือกตั้งที่กฎหมายถือว่าเป็นบัตรเสียนั้น ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๕๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๑๙ ได้บัญญัติไว้ถึง ๕ ประเภทด้วยกัน ที่ผู้ร้องกล่าวคลุม ๆ มาดังกล่าวหาชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ ไม่ คำร้องข้อ ๓ (๔) อ้างว่า เพื่อเป็นคุณแก่นายยวด เลิศฤทธิ์ และเพื่อเป็นโทษแก่ผู้ร้องที่ ๒ มีการทุจริตจงใจนับคะแนนให้ผิดความจริง ฯลฯ ในข้อนี้เห็นว่าแม้ผู้ร้องจะระบุว่ามีการกระทำดังกล่าวในหน่วยเลือกตั้งบางหน่วยและหน่วยอื่น ๆ อีก พอแปลความหมายได้ว่าทุกหน่วยเลือกตั้งก็ตาม แต่ผู้ร้องก็มิได้บรรยายโดยแจ้งชัดว่ามีการจงใจนับคะแนนให้ผิดความจริงอย่างไร เพิ่มหรือลดจำนวนคะแนนผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใด เท่าใด การรวมคะแนนและการลงคะแนนในรายงานแสดงผลการนับคะแนน การแก้ตัวเลขในรายงาน การแก้จำนวนคะแนนของผู้สมัครรับเลือกตั้งคนอื่น การลงเครื่องหมายผู้ขอรับบัตรเพิ่มขึ้น ผิดความจริงไปอย่างไร คำร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุมส่วนข้อเท็จจริงศาลฎีกาเห็นว่าคดีฟังไม่ได้ว่าทีการทุจริตแก้ไขคะแนน และเป็นการทุจริตปิดบังหลักฐานดังที่ผู้ร้องอ้าง ยังไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่เฉพาะตัวนายยวด เลิศฤทธิ์ ดังที่ผู้ร้องขอ ให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสองเสีย.

Share