คำสั่งคำร้องที่ 3413/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่าโจทก์ได้นำตึกแถวขายให้กับผู้ซื้อตึกแถวพิพาท แล้วโจทก์มิได้แจ้งให้จำเลยทราบ และโจทก์มิได้นำพยานหลักฐาน มาสืบให้ปรากฏชัด โจทก์มีหน้าที่ส่งมอบตึกพิพาทให้ผู้ซื้อ มิได้เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย แต่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และทุนทรัพย์ในคดีนี้ไม่เกินสองแสนบาท อีกทั้งเป็นคดีฟ้องขับไล่ บุคคลออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกิน เดือนละหนึ่งหมื่นบาท จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงมีคำสั่ง ไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเป็น ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนและเป็นสาระสำคัญ เกี่ยวกับคดีที่ควรจะได้รับการพิจารณาจากศาลสูง มิได้เป็น ฎีกาเกี่ยวกับข้อเท็จจริง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากตึกแถวเลขที่ 2/2,2/3 และ 2/13 ซอยสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตพระโขนงกรุงเทพมหานคร ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 15,000 บาทแก่โจทก์ และค่าเสียหายเดือนละ 1,000 บาทต่อหนึ่งห้องนับแต่วันฟ้อง (13 กันยายน 2532) จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากตึกแถวของโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 79)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 81)

คำสั่ง
จำเลยฎีกาสรุปได้ความว่า โจทก์ขายตึกแถวพิพาทได้จดทะเบียน โอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อแล้ว โจทก์มิได้นำพยานหลักฐานมาสืบว่า โจทก์ยังมีหน้าที่ต้องส่งมอบตึกแถวพิพาทให้ผู้ซื้อแต่อย่างใด ต้องถือว่าโจทก์ได้ส่งมอบตึกแถวพิพาทให้ผู้ซื้อตั้งแต่วัน จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โจทก์จึงไม่มีหน้าที่จะต้องส่งมอบ ตึกแถวพิพาทอีก จำเลยไม่ได้ละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่เสียหาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลย ยังคงอยู่ในตึกแถวพิพาท เห็นว่าอุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็น อุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เพื่อนำไป สู่ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 235 ประกอบด้วยมาตรา 247,248 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share