แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับฟังคำเบิกความของผู้เสียหายและนางปรานงฉึ่งเป็นเพียงพยานชั้นสอง เพื่อวินิจฉัยลงโทษจำเลยทั้งที่คดีนี้ยังมีพยาน ชั้นหนึ่งอยู่ การรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 1 เดือนรวม 4 กระทงจำคุก 4 เดือน
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 เฉพาะตามฟ้องข้อ ข. เพียงกรรมเดียว ให้จำคุก 1 เดือน แต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 80)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 84)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ดังที่จำเลยกล่าวอ้าง ฎีกาของจำเลยจึงไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง