แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ของ จำเลยเป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานของศาล เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 45)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 2,869 บาท และค่าชดเชย 27,180 บาท รวมเป็นเงิน 30,049 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง (12 พฤษภาคม 2535) เป็นต้นไปจนกว่า จะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์(อันดับ 41)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 43)
คำสั่ง
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ละทิ้งหน้าที่การงานเป็นเวลาสามวันทำการติดต่อกันโดยมีเหตุอันสมควรเพราะถูกรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนได้รับบาดเจ็บต้องไปรับการ รักษาที่โรงพยาบาล โดยได้แจ้งการลาป่วยทางโทร ศัพท์ ซึ่งเป็น การปฏิบัติตามระเบียบการลาป่วยของจำเลยส่วนหนึ่งแล้ว แต่จำเลย ไม่ยอมให้โอกาสโจทก์แสดงหลักฐานใบรับรองแพทย์ โจทก์จึงไม่อาจ ปฏิบัติให้ครบถ้วนตามระเบียบการลาป่วยของจำเลยได้ จำเลย อุทธรณ์ว่าใบรับรองแพทย์เอกสารหมาย จ.2 รับฟังไม่ได้และ โจทก์ไม่ได้แสดงใบรับรองแพทย์ดังกล่าวต่อจำเลย จึงถือว่า โจทก์ละทิ้งหน้าที่การงานติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควรเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟัง พยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ที่ศาลแรงงานกลางไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย มานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง