แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และไม่ใช่ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จึงไม่รับฎีกา
จำเลยที่ 2 ที่ 3 เห็นว่า ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกาว่าโจทก์ไม่บรรยายฟ้องให้ชัดเกี่ยวกับตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดว่าฝ่ายไหนมีเท่าใด ใครบ้าง และไม่บรรยายฟ้อง ให้ชัดเกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิด ว่าใครทำอย่างไร ด้วยอาวุธอะไร จนเกิดบาดแผลเพียงใด อีกทั้งฟ้องของโจทก์ไม่เข้าลักษณะการกระทำความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ที่ขอให้ลงโทษ ฟ้องของโจทก์ จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม อันเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมา ในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ ก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างในศาลฎีกาได้ โปรดรับฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ลงชื่อรับสำเนาไว้ที่ตัวคำร้องแล้ว(อันดับ 20)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8) ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 3 ปี จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 17)
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 20)
คำสั่ง
ปัญหาที่ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ ในคดีอาญาเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225 จึงให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไว้พิจารณาต่อไป