คำสั่งคำร้องที่ 2312/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การขอรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่จะต้องยื่นต่อศาลชั้นต้นและจะยื่นได้ต่อเมื่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลยแล้ว จะร้องขอต่อศาลฎีกาไม่ได้

ย่อยาว

ความว่า เนื่องจากปรากฏว่าพยานเอกสารหมาย จ.7 (หมายซ้ำ) มีการขูดลบ วัน เดือน ปี ในการตรวจรักษาให้ผิดไปจากต้นฉบับที่แท้จริงประกอบกับคำเบิกความของนายแพทย์ธีรชัย เลิศสุวรรณ พยานโจทก์ซึ่งเบิกความรับรองเอกสารหมาย จ.7 (หมายซ้ำ) นั้น ไม่สุจริต ซึ่งจำเลยก็ได้ยกขึ้นต่อสู้มาแต่ต้นแล้วแต่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณาศาลชั้นต้นได้ถือเอาเอกสารหมาย จ.7(หมายซ้ำ) ประกอบกับคำเบิกความของนายแพทย์ธีระชัย เลิศสุวรรณ และนายแพทย์ประจวบ มีแลบ มาลงโทษจำเลย บัดนี้จำเลยได้พยานหลักฐานอันเป็นสำเนาต้นฉบับที่แท้จริงซึ่งเสนอแนบท้ายคำร้องนี้แล้ว ขอศาลฎีกาได้โปรดมีคำสั่งให้ไต่สวนและวินิจฉัยว่า เอกสารหมาย จง7 (หมายซ้ำ) เป็นเท็จหรือไม่ และคำเบิกความของนายแพทย์ธีระชัย เลิศสุวรรณ สุจริตหรือไม่ ตลอดทั้งคำเบิกความของนายแพทย์ธีระชัย เลิศสุวรรณ และนายแพทย์ประจวบ มีแลบชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120, 121 หรือไม่

หมายเหตุ โจทก์ลงชื่อรับสำเนาคำร้องไว้ข้างคำร้องแล้ว (ถ้อยคำสำนวนอันดับ 2)

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง ประกอบมาตรา 285, 90 จำคุก 10 ปี คำขออื่นให้ยก

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา (อันดับ 151)

จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว (ถ้อยคำสำนวน อันดับ 2)

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้ว กรณีตามคำร้องเป็นการขอรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่จะต้องยื่นต่อศาลชั้นต้นและจะยื่นได้ต่อเมื่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลยแล้ว จึงขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งตามคำร้องไม่ได้คำร้องดังกล่าวจึงไม่ชอบ ให้ยกคำร้อง

Share