คำสั่งคำร้องที่ 2290/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์ฎีกาของจำเลยแล้วเห็นว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น แต่คดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้าม มิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 42,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 85)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยมิได้นำค่าฤชาธรรมเนียมและเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 หรือวางประกันต่อศาลพร้อมคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนี้แต่กลับขอทุเลาการบังคับคดี จึงให้ส่งสำนวนไปยังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งต่อไป (อันดับ 89) ต่อมาจำเลยแถลงว่าได้เสียค่าขึ้นศาลฎีกาพร้อมด้วยวางค่าทนายความใช้แทนโจทก์ปรากฏตามเอกสารท้ายคำแถลงศาลชั้นต้นสั่งให้รวมสำนวนส่งศาลฎีกา (อันดับ 90)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างทำของตามฟ้อง เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ จำเลยเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลควรวินิจฉัยให้นั้น ก็เห็นว่าจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องของโจทก์โดยมิได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธโจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบไปฝ่ายเดียว โดยจำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ ศาลฟังข้อเท็จจริงแล้วว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างทำของเป็นการฟังข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ข้อกฎหมาย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงและต้องห้ามดังกล่าวอีกด้วย ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของ จำเลย

Share