แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา โดยยื่นคำร้องขอดำเนินคดี อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่ง เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2535 ว่า พิเคราะห์พยานหลักฐาน ของจำเลยแล้ว เห็นว่าตามทางไต่สวนของจำเลย แม้จะได้ความว่าจำเลยเป็นคนยากจนไม่มีเงินเสียค่าธรรมเนียมศาล ในการฟ้องฎีกาก็ตาม แต่ก็ไม่ปรากฏจากทางไต่สวนของจำเลยว่า ฎีกาของจำเลยมีเหตุผลสมควรที่จะฎีกาได้ จึงให้ยกคำร้อง ของ จำเลย ค่าคำร้องให้เป็นพับ หากจำเลยประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ให้ชำระเงินค่าธรรมเนียมมาวางภายใน 15 วัน นับแต่วันนี้
จำเลยเห็นว่า ถึงแม้ว่าฎีกาของจำเลยจะเป็นฎีกา ที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ก็ตาม แต่จำเลยก็ได้เสนอให้ผู้พิพากษา ที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกา ในข้อเท็จจริงแล้ว และผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดี ในศาลชั้นต้นก็ได้รับรองว่า ฎีกาของจำเลยมีเหตุอันควรฎีกา ในข้อเท็จจริงได้ จึงรับรองให้ฎีกาซึ่งปรากฏอยู่ในคำร้อง ฉบับลงวันที่ 3 มีนาคม 2535 ในสำนวนแล้ว ฉะนั้นจำเลย จึงไม่จำต้องนำสืบแสดงให้เห็นว่าฎีกาของจำเลยมีเหตุผลอันสมควร ที่จะฎีกาได้เพราะศาลสามารถตรวจพิเคราะห์ได้จากคำบรรยายฎีกา ของจำเลยและในสำนวน โปรดมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลย ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 163)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากบ้าน และที่ดินตามฟ้องกับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์จำนวน 13,600 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ เดือนละ 400 บาท นับถัดจากเดือนที่ฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไป
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์จำนวน 39,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท นับถัดจากเดือนที่ฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวาร จะออกจากที่ดินและบ้านพิพาท
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง พร้อมกับยื่นคำร้อง ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 141,138,139 และ 154)
จำเลยจึงยื่นอุทธรณ์คำสั่ง (คำร้อง) นี้ (อันดับ 157)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีมีเหตุผลสมควรที่จะฎีกาอนุญาตให้จำเลยฎีกาอย่างคนอนาถาได้ ให้ศาลชั้นต้นรับฎีกาจำเลยไว้ดำเนินการต่อไป