แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของ จำเลยทั้งสองเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่ทุนทรัพย์ในชั้นฎีกา ไม่ถึง 200,000 บาท ซึ่งต้องห้ามไม่ให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาจำเลยทั้งสอง
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นปัญหา ข้อกฎหมายว่า เมื่อโจทก์ขาดนัดพิจารณาและศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่าย คดี โจทก์ย่อมไม่สามารถอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวรวมทั้งไม่มีสิทธิ ขอให้พิจารณาคดีใหม่ด้วย การที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ ของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชำระเงิน95,015.95 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ฯลฯ ปรากฏว่าในวันนัดสืบพยาน ฝ่ายโจทก์ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลและไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ขาดนัดพิจารณาและไม่มีพยานมาสืบ ให้ยกฟ้อง โจทก์และจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ
โจทก์ยื่นคำร้องรวมสองฉบับ ฉบับแรกขอให้พิจารณาคดี ใหม่อ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์จงใจ ขาดนัดพิจารณา ไม่มีเหตุจะพิจารณาคดีใหม่ให้ยกคำร้อง คำร้องฉบับหลัง อ้างว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้องและจำหน่ายคดีโจทก์เสียจาก สารบบความและที่ให้ยกคำร้องฉบับแรกนั้น เป็นกระบวนพิจารณา ที่ไม่ชอบ ศาลชั้นต้นสั่งว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณานัดสืบพยานโจทก์ต่อไป แล้วมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 52)
จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 54)
คำสั่ง
คดีนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการพิจารณาโดยผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 จำเลยทั้งสองฎีกาว่าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เป็นฎีกาปัญหาข้อกฎหมายจึงไม่ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และดำเนินการต่อไป