คำสั่งคำร้องที่ 1117/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า ผู้คัดค้านทั้งสี่ฎีกา ผู้ร้องเห็นว่าฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสี่มีประเด็นโต้เถียงเพียงประเด็นเดียวว่าผู้คัดค้านได้นำสืบว่า ผู้ครอบครองทั้ง 10 คนได้เข้าครอบครองที่พิพาทโดยมาขออาศัยทำกินจากผู้คัดค้านทั้งสี่ไว้แล้วจริงหรือไม่ นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 และไม่มีสาระสมควรที่จะได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอท่านรองประธานศาลฎีกา ซึ่งประธานศาลฎีกามอบหมาย โปรดมีคำสั่งว่า ฎีกาของ ผู้คัดค้านทั้งสี่ทุกข้อไม่มีสาระอันควรได้รับการพิจารณา พิพากษาจากศาลฎีกาด้วย
หมายเหตุ ผู้คัดค้านทั้งสี่แถลงคัดค้าน (อันดับ 159)
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนว่าที่ดินพิพาท เนื้อที่4 ไร่ 3 งาน 51 เศษหนึ่งส่วนสิบ ตารางวา ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายทรงศักดิ์จงกลนี ผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
ผู้คัดค้านทั้งสี่ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสี่มีการรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริง รับเป็นฎีกาของจำเลยทั้งสี่ (อันดับ 142)
ผู้ร้องยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 149)

คำสั่ง
คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยเชื่อพยานของผู้ร้องว่า ผู้ร้อง รับช่วงสิทธิครอบครองปรปักษ์มาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แต่ผู้ร้องคัดค้านได้คัดค้านมาแต่ต้นว่า ผู้ครอบครองก่อนผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยขออาศัย สิทธิของผู้คัดค้านในชั้นพิจารณาผู้คัดค้านไม่ได้ถามค้านพยานผู้ร้อง ไว้แล้ว ผู้คัดค้านนำพยานบุคคลเข้าสืบ ซึ่งผู้ร้อง คัดค้าน ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าคำพยานบุคคลของผู้คัดค้าน ในประเด็นนี้รับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 49 วรรคสอง ฎีกาของผู้ร้องคัดค้านจึงเป็น ข้อเท็จจริง อันเกี่ยวกับประเด็นแห่งคดีโดยตรง เมื่อผู้พิพากษา ที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรจะฎีกาได้ ศาลชั้นต้นรับฎีกาของผู้คัดค้านไว้ชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของ ผู้ร้อง

Share