แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานอันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้าม จึงไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ที่ว่า ศาลแรงงานกลางพิพากษาคดีโดยไม่ได้วินิจฉัยรายละเอียดในสัญญาจ้างแรงงาน และประเด็นข้อพิพาทเรื่องค่าเสียหาย และศาลแรงงานกลางวินิจฉัยชี้ขาดคดีขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวนที่รับฟังได้ว่าจำเลยบกพร่องและทุจริตต่อหน้าที่นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ จำเลยทั้งหกได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 108,109) โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งหก ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 340,092.53 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งนับแต่วันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว (อันดับ 104) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 107)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ลวดเหล็กที่ใช้ในการผลิต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตมีน้ำหนักมากกว่า ที่ประมาณการไว้ การหักบัญชีได้หักตามที่ประมาณการ เมื่อใช้มากกว่าที่ประมาณการจึงทำให้ขาดบัญชี และพยานหลักฐาน ของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และนายชัชวาลย์ ทุจริต การฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการใช้ดุลพินิจวินิจฉัยคดี จากพยานหลักฐานในสำนวนแล้ว ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีโดยมิได้พิจารณารายละเอียดในสัญญาจ้างก็ดี การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานบกพร่อง และทุจริตต่อหน้าที่และจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายก็ดี และศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคำเบิกความของนายรณชัย พยานจำเลยแล้วยกฟ้องโจทก์ เป็นการขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวน เพราะข้อเท็จจริงในสำนวนฟังได้แล้วว่าจำเลยบกพร่อง และทุจริตต่อหน้าที่ก็ดี ล้วนเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจ ในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลทั้งสิ้น จึงเป็นอุทธรณ์ ในข้อเท็จจริง ส่วนอุทธรณ์ที่ว่า ศาลแรงงานกลางมิได้วินิจฉัย ประเด็นค่าเสียหายและความรับผิดของจำเลยนั้น เมื่อศาลแรงงานกลางฟังว่าจำเลยมิได้ทุจริตแล้ว อุทธรณ์ ของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นอุทธรณ์ข้อกฎหมายที่ไร้สาระ ศาลแรงงานกลางไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ทุกข้อชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง