แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาข้อ 2.2,2.4 ถึง 2.6 เป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกา เพราะ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนและทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงรับเป็นฎีกาของจำเลยที่ 1 เฉพาะฎีกาข้อ 2.1 และ 2.3 จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาข้อ 2.2 ที่ว่า ศาลอุทธรณ์รับฟังพยานหลักฐานข้อต่อกฎหมายว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง เพราะเอกสาร รับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลหมาย จ.1 ไม่ใช่พยานหลักฐาน ที่แสดงว่านายวิระรมยะรูป ได้ลงชื่อฟ้องคดีและโจทก์ไม่มีพยานมาเบิกความยืนยันลายมือชื่อดังกล่าว และฎีกาข้อ 2.4 ที่ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเพราะไม่ได้ ลงชื่อในเอกสารต่าง ๆ เป็นภาษาจีนนั้นล้วนเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ทั้งสิ้น โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน 105,181.85 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2528 จนถึงวันที่ 4 มีนาคม 2529 ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2529 จนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2533 และในอัตราร้อยละ 16.5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2533 จนถึงวันฟ้อง และ นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 104) จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234,247 จึงมี คำสั่งให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล และนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายใน กำหนด 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์คำสั่ง (อันดับ 107) จำเลยที่ 1 ยื่นคำแถลง ฉบับลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2538 ว่า จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาบางข้อที่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับเท่านั้น จึงไม่ต้องวางเงินตามคำสั่ง ศาลชั้นต้นและจำเลยที่ 1 ได้นำสลากออมสินราคา 300,000 บาท วางไว้เป็นหลักประกันในการขอทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์แล้ว โปรดรับไว้เป็นหลักประกันด้วยศาลชั้นต้นสั่งว่า สลากออมสิน เป็นหลักประกันที่จำเลยที่ 1 นำมาวางศาลเพื่อขอทุเลา การบังคับคดีในชั้นอุทธรณ์ เป็นคนละส่วนกับเงินที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือหาประกันให้ไว้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234,247 หากจำเลยที่ 1 ประสงค์จะยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกา จำเลยที่ 1 ก็ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234,247 ด้วย (อันดับ 108) ต่อมาโจทก์ยื่นคำแก้ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่ารับเป็นคำแก้ฎีกาของโจทก์สำเนาให้ จำเลยที่ 1 การวางเงินหรือหลักทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ครบกำหนดไม่วางให้ถือว่าจำเลยที่ 1 ทิ้งอุทธรณ์คำสั่ง และให้รวบรวม เสนอศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่ง (อันดับ 111)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาบางข้อจึงไม่ต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบด้วย มาตรา 247 คดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาท ไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อ 2.2 โต้แย้งการรับฟังว่านายวิระ รมยะรูป ไม่ได้ลงลายมือชื่อฟ้องคดี และข้อ 2.4 โต้แย้งว่าจำเลยที่ 1 มิได้ลงชื่อในสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี เป็นการโต้แย้งดุลพินิจ การรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ทั้งสิ้น ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาจำเลยที่ 1 ดังกล่าวชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง