คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่สามีเอาที่นาที่สวนและสิ่งปลูกน้างอันเป็นสินบริคณห์ ไปจดทะเบียนยกให้จำเลยโดยมิได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากโจทก์ซึ่งเป็นภริยา การนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ จำเลยจะยกขึ้นยันโจทก์ไม่ได้ และโจทก์ขอให้เพิกถอนการยกให้นั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมที่สามีโจทก์เอาทรัพย์ที่เป็นสินสมรสไปยกให้จำเลยโดยโจทก์มิได้รู้เห็นด้วย และเรียกทรัพย์นั้นคืน
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นสินบริคณห์จดทะเบียนยกให้จำเลยโดยโจทก์มิได้ให้ความยินยอมเป็นหนังสือ ขัดต่อมาตรา ๑๔๗๓, ๑๔๗๖ พิพากษาให้จำเลยคืน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มาฟ้องคดีเกิน ๑ ปี พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอเพิกถอนนิติกรรมที่นายคำสามีโจทก์เอาที่ดินสินสมรสไปจดทะเบียนยกให้จำเลยโดยโจทก์มิได้ยินยอมด้วย จำเลยให้การว่า ทรัพย์ที่ยกให้เป็นของนายคำโดยเฉพาะ ไม่ใช่ทรัพย์ของโจทก์ ประเด็นจึงมีพิพาทกันเฉพาะว่า นายคำเป็นเจ้าของทรัพย์แต่ผู้เดียว หรือเป็นสินสมรสซึ่งนายคำไม่มีอำนาจเอาไปยกให้จำเลยโดยโจทก์ไม่ยินยอมด้วย การที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาเลยไปถึงสิทธิครอบครองที่พิพาทว่า โจทก์มิได้ฟ้องเรียกคืนภายใน ๑ ปี จึงเป็นข้อนอกประเด็น โดยคู่ความมิได้ยกเป็นข้อพิพาทกันในศาลชั้นต้นแต่ประการใด ศาลฎีกาเห็นว่า ที่นาที่สวนและสิ่งปลูกสร้าง ในที่สวนที่พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างนายคำกับโจทก์ นายคำเอาที่พิพาทไปทำนิติกรรมจดทะเบียนยกให้จำเลยในพฤติการณ์เช่นคดีนี้ ได้ก็ต่อเมื่อนายคำได้รับความยินยอมของโจทก์ผู้เป็นภริยา เสียก่อนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๗๓ ความยินยอมนี้ต้องทำเป็นหนังสือตามมาตรา ๑๔๗๖ เมื่อไม่มีความยินยอมของโจทก์เป็นหนังสือ การที่นายคำจดทะเบียนยกที่พิพาทให้จำเลยก็ไม่สมบูรณ์ จำเลยจะยกขึ้นอ้างยันโจทก์ซึ่งเป็นภริยานายคำหากได้ไม่ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ขอเพิกถอนการที่นายคำยกที่ดินให้จำเลยได้นั้นชอบแล้ว
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share