คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พฤติการณ์แห่งคดีไม่มีเหตุให้ระแวงว่าพันตำรวจตรี ศ.ซึ่งเป็น ประจักษ์พยานสำคัญของโจทก์จะกลั่นแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลยเมื่อพยานเบิกความถึงบุคคลหรือสิ่งของใดก็มีบุคคลหรือสิ่งของที่อ้างถึงมาแสดงแม้ ช. จะเบิกความว่าในวันเกิดเหตุพยานมิได้มาซื้อเฮโรอีนจากจำเลยพยานเพียงแต่มาเอาเฮโรอีนซึ่งซุกซ่อนไว้ในบ้านของจำเลยก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่ ช. จะต้องให้ถ้อยคำปรักปรำจำเลยทั้งในชั้นจับกุมและสอบสวนว่าตนมาซื้อเฮโรอีนจากจำเลยการที่ ช. เบิกความบิดเบือนข้อเท็จจริงเช่นนั้นก็เพื่อช่วยเหลือจำเลยนั่นเองและนอกจากเจ้าพนักงานตำรวจจะจับกุมจำเลยได้พร้อมด้วยของกลางแล้วจำเลยก็ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนด้วย พยานหลักฐานโจทก์ รับฟังประกอบกันได้ว่าจำเลย มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและ จำหน่ายเฮโรอีนให้แก่ ช. จริง

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 28 พฤษภาคม 2534 เวลา กลางวันจำเลย ได้ กระทำ ความผิด ต่อ กฎหมาย หลายกรรม ต่างกัน คือ จำเลย มี เฮโรอีนอันเป็น ยาเสพติดให้โทษ ชนิด ร้ายแรง ใน ประเภท 1 จำนวน 10 หลอดหนัก 2.901 กรัม ไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ จำหน่าย โดย ไม่ได้ รับ อนุญาตและ จำเลย จำหน่าย เฮโรอีน จำนวน 2 หลอด หนัก 0.078 กรัม อันเป็นส่วน หนึ่ง ของ เฮโรอีน ที่ จำเลย มีไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ จำหน่าย ให้ แก่ผู้มีชื่อ โดย ฝ่าฝืน ต่อ กฎหมาย เหตุ เกิด ที่ ตำบล บ่อพลอย อำเภอบ่อไร่ จังหวัด ตราด เจ้าพนักงาน จับกุม จำเลย ได้ พร้อม เฮโรอีน ที่ จำเลยมีไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ จำหน่าย และ จำหน่าย ดิน น้ำมัน 1 ก้อน ที่ จำเลยใช้ ห่อ เฮโรอีน บางส่วน และ เงิน 80 บาท ไว้ เป็น ของกลาง ขอให้ ลงโทษตาม พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15,66, 67 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และ ริบของกลาง
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง66 วรรคหนึ่ง การกระทำ ของ จำเลย เป็น ความผิด หลายกรรม ต่างกันให้ เรียง กระทง ลงโทษ ฐาน มี เฮโรอีน ไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ จำหน่าย จำคุก6 ปี ฐาน จำหน่าย เฮโรอีน จำคุก 6 ปี รวม จำคุก 12 ปี จำเลย ให้การรับสารภาพ ใน ชั้นสอบสวน เป็น ประโยชน์ แก่ การ พิจารณา คดี เป็นเหตุบรรเทา โทษ ลดโทษ ให้ หนึ่ง ใน สาม ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คง จำคุก 8 ปี ของกลาง ริบ
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง ส่วน ของกลาง คง ให้ริบ
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว คดี มี ปัญหา วินิจฉัย ตาม ฎีกาของ โจทก์ ว่า จำเลย ได้ กระทำ ความผิด จริง ดัง ฟ้อง หรือไม่ ข้อ นี้พัน ตำรวจ ตรี ศักดิ์ชัย พยานโจทก์ เบิกความ ว่า เจ้าพนักงาน ตำรวจ สืบทราบ มา ก่อน เกิดเหตุ ว่า จำเลย มี พฤติการณ์ ลักลอบ จำหน่าย เฮโรอีนอันเป็น ยาเสพติดให้โทษ ตาม วัน เวลา ที่เกิดเหตุ พยาน กับพวก ซึ่ง เป็นเจ้าพนักงาน ตำรวจ ได้ ไป แอบ ซุ่ม ดู เหตุการณ์ ที่ บริเวณ หน้า บ้าน ของ จำเลยเห็น นาย ไชโย เข้า ไป ติดต่อ พูด คุย กับ จำเลย ใน ลักษณะ ที่ มี การ ซื้อ ขาย เฮโรอีน กัน พยาน กับพวก จึง ได้ แยก ย้าย กัน เข้า ทำการ จับกุม ปรากฏว่าเจ้าพนักงาน ตำรวจ จับกุม นาย ไชโย ได้ พร้อม ด้วย เฮโรอีน นาย ไชโย รับ ว่า ซื้อ เฮโรอีน ดังกล่าว มาจาก จำเลย ส่วน จำเลย ก็ รับ ว่า ขาย เฮโรอีนดังกล่าว ให้ แก่ นาย ไชโย จริง กับ ได้ มอบ เฮโรอีน ซึ่ง อยู่ ใน ตัว จำเลย ที่ เหลือ จาก การ ขาย อีก 3 หลอด และ เงิน จำนวน 80 บาท ที่ ขาย เฮโรอีนให้ นาย ไชโย ให้ แก่ เจ้าพนักงาน ตำรวจ นอกจาก นี้ เจ้าพนักงาน ตำรวจ ยัง ค้นพบ เฮโรอีน อีก 5 หลอด ซึ่ง ห่อ หุ้ม ด้วย ดิน น้ำมัน ซุกซ่อน อยู่ ที่ร่องน้ำ ใต้ ชายคา บ้าน ของ จำเลย อีก ด้วย ซึ่ง เฮโรอีน ดังกล่าว จำเลยก็ รับ ว่า เป็น ของ จำเลย เช่นกัน ศาลฎีกา พิจารณา แล้ว เห็นว่าพัน ตำรวจ ตรี ศักดิ์ชัย เป็น ประจักษ์พยาน สำคัญ ของ โจทก์ ตาม พฤติการณ์ แห่ง คดี ไม่มี เหตุ ให้ ระแวง ว่า จะ กลั่นแกล้ง เบิกความ ปรักปรำ จำเลยเมื่อ พยาน เบิกความ ถึง บุคคล หรือ สิ่งของ ใด ก็ มี บุคคล หรือ สิ่งของที่ อ้าง ถึง นั้น มา แสดง แม้ นาย ไชโย จะ เบิกความ ว่า ใน วันเกิดเหตุ พยาน มิได้ มา ซื้อ เฮโรอีน จาก จำเลย พยาน เพียงแต่ มา เอา เฮโรอีน ซึ่งซุกซ่อน ไว้ ใน บ้าน ของ จำเลย ทั้งที่ ใน ชั้น จับกุม และ สอบสวน พยาน เคย ให้ถ้อยคำ ว่า ใน วันเกิดเหตุ พยาน มา ซื้อ เฮโรอีน จาก จำเลย ดัง ปรากฏ ตามเอกสาร หมาย ป.จ. 1 และ จ. 1 นั้น ก็ เป็น ที่ เห็น ได้ว่า หาก ข้อเท็จจริงเป็น ไป ตาม ที่นาย ไชโย เบิกความ จริง ก็ ไม่มี เหตุผล อัน ใด ที่นาย ไชโย จะ ต้อง ให้ ถ้อยคำ ปรักปรำ จำเลย ทั้ง ใน ชั้น จับกุม และ สอบสวน ดังนั้นการ ที่นาย ไชโย เบิกความ บิดเบือน ข้อเท็จจริง เช่นนั้น ก็ เพื่อ ช่วยเหลือ จำเลย นั้นเอง คดี นี้ นอกจาก เจ้าพนักงาน ตำรวจ จะ จับกุม จำเลยได้ พร้อม ด้วย ของกลาง แล้ว ยัง ปรากฏว่า ใน ชั้น จับกุม และ ชั้นสอบสวนจำเลย ก็ ให้การรับสารภาพ ดัง ปรากฏ ตาม เอกสาร หมาย ป.จ. 1 และ จ. 3ซึ่ง เมื่อ พิจารณา พยานหลักฐาน ดังกล่าว ประกอบ กัน แล้ว รับฟังข้อเท็จจริง ได้ว่า จำเลย มี เฮโรอีน อันเป็น ยาเสพติดให้โทษ ไว้ ในครอบครอง เพื่อ จำหน่าย และ จำหน่าย เฮโรอีน ให้ แก่ นาย ไชโย จริง การกระทำ ของ จำเลย จึง เป็น ความผิด ตาม ฟ้อง ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 1พิพากษายก ฟ้อง ศาลฎีกา ไม่เห็น พ้อง ด้วย ศาลฎีกา ของ โจทก์ ฟังขึ้น ”
พิพากษากลับ ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง , 66 วรรคหนึ่ง ลงโทษ ฐาน มี เฮโรอีนไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ จำหน่าย จำคุก 5 ปี ฐาน จำหน่าย เฮโรอีน จำคุก5 ปี รวม สอง กระทง จำคุก 10 ปี คำให้การ รับสารภาพ ของ จำเลย ใน ชั้นสอบสวนเป็น ประโยชน์ แก่ การ พิจารณา ลดโทษ ให้ จำเลย หนึ่ง ใน สาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คง จำคุก 6 ปี 8 เดือน ริบของกลาง

Share