แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกา ไม่รับฎีกาจำเลย จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่หยิบยกเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ในสำนวนที่โจทก์และจำเลยได้นำสืบต่อสู้กันในคดีนี้ทั้งสิ้น ขึ้นมาเป็นข้อฎีกาของจำเลยโดยเฉพาะพยานหลักฐานที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ภาค 3 มิได้หยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยให้ครบประเด็น ก่อนที่จะพิพากษาลงโทษจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 จำคุก 1 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 60) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 62)
คำสั่ง จำเลยฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ในการฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน จึงเป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง