คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเจ้าของเตาเคี่ยวน้ำตาลหรือนายยาม จำเลยได้ตกลงขอเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลที่เตาของโจทก์โดยผลัดเปลี่ยนกันเข้ายาม ในระหว่างที่จำเลยเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลอยู่นั้น โจทก์ได้เอาน้ำตาลใสส่วนของโจทก์และของคนอื่นๆที่เป็นลูกยามส่งมอบให้จำเลยเคี่ยว เมื่อจำเลยออกยามไปแล้ว มีหน้าที่ต้องทำน้ำตาลใสใช้หนี้โจทก์จนกว่าจะหมดหนี้ แต่จำเลยหาปฏิบัติไม่ กลับเลิกทำน้ำตาลเสีย ดังนี้ แม้หนี้รายนี้จะเป็นของลูกยามอื่นอยู่ด้วยโจทก์ผู้เป็นนายยามก็ย่อมฟ้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นหุ้นส่วนกัน โจทก์เป็นเจ้าของเตาเคี่ยวน้ำตาล จำเลยได้ไปขอเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลที่เตาของโจทก์ ๆ ก็รับจำเลยไว้เป็นลูกยามและผลัดเปลี่ยนกันเคี่ยวน้ำตาลและใช้หนี้น้ำตาล ครั้งหลังที่สุดโจทก์ได้จัดให้จำเลยเข้ายาม 3 เดือน จำเลยก็ออกยามไป ระหว่างจำเลยเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลอยู่นั้นโจทก์ได้เอาน้ำตาลใสส่วนของโจทก์และของคนอื่นที่เป็นลูกยามส่งมอบให้จำเลยเคี่ยว รวมทั้งสิ้นเป็นน้ำตาล 1,800 ไห และตามธรรมเนียมของการเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลถือว่าจำเลยเป็นหนี้น้ำตาลใสโจทก์ 1,800 ไห และจะต้องใช้หนี้ในระยะเวลาต่อเนื่องกับระยะเวลาที่จำเลยออกยามไป เมื่อจำเลยออกยามไปแล้ว จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งน้ำตาลใสใช้หนี้โจทก์เป็นรายวัน แต่จำเลยกลับเลิกทำน้ำตาลเสียจึงขอให้บังคับจำเลยใช้หนี้น้ำตาลใสเป็นรายวัน ๆ ละ 40 ไห จนครบ 1,800 ไห หากไม่สามารถใช้ได้ให้ใช้ราคา 4,500 บาท จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธคำฟ้องของโจทก์ และว่าหนี้ตามฟ้องเป็นหนี้ระหว่างบุคคลหลายคน ไม่ปรากฏว่าโจทก์ไม่ได้รับมอบหมายจากบุคคลอื่นไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 2 ให้การรับว่าตามฟ้องโจทก์เป็นความจริง

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยที่ 1 ได้ไปตกลงขอเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลที่เตาโจทก์จริง แต่โจทก์นำสืบไม่ชัดเจนพอว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์เท่าไร จึงไม่มีทางบังคับให้ตามคำขอของโจทก์ได้พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้โจทก์ชนะคดี

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้ายามเคี่ยวน้ำที่เตาของโจทก์ซึ่งเป็นนายยามจริง แต่ข้อที่ว่าจำเลยยังมีหน้าที่จะต้องส่งน้ำตาลใสอันเป็นหนี้ซึ่งจำต้องรับผิดอยู่หรือไม่เท่าใดนั้น คดีได้ความจากตัวโจทก์และบรรดาลูกยามคนอื่น ๆ กับยังมีบัญชีจดไว้ บัญชีนี้แม้โจทก์จะจดไว้ฝ่ายเดียว แต่โจทก์และบรรดาลูกยามก็ให้การรับรองอยู่ คำให้การของจำเลยหาได้คัดค้านความในข้อนี้หรือสืบหักล้างแต่ประการใดไม่ คดีจึงฟังได้ว่า จำเลยได้เป็นลูกหนี้ในการส่งน้ำตาลใสอยู่จริงตามจำนวนที่โจทก์สืบมา แม้หนี้รายนี้แม้จะเป็นหนี้ของลูกยามอื่นอยู่ด้วย โจทก์ผู้เป็นนายยามก็ย่อมฟ้องได้

พิพากษายืน

Share