คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทำร้ายผู้เสียหายซึ่งเป็นบุพการีของจำเลย นับเป็น การกระทำที่ขาดความยำเกรงเคารพนับถืออย่างยิ่ง ดังนั้น แม้ผู้เสียหายไม่ประสงค์ที่จะเอาโทษจำเลย ก็ไม่เป็น เหตุที่จะรอการลงโทษ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเตะทำร้ายนางบุญมา ขันการไถ ผู้เสียหายอายุ 75 ปี ซึ่งเป็นยาย อันเป็นบุพการีของจำเลยหลายครั้งถูกที่บริเวณปลายคาง 1 ที และหน้าอกอีก 1 ที ในขณะที่ผู้เสียหายนอน เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 จำคุก 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลยหรือไม่ จำเลยฎีกาว่านางบุญมา ขันการไถ ผู้เสียหายซึ่งเป็นยาย ของจำเลยไม่ประสงค์ที่จะเอาเรื่องกับจำเลยตามคำแถลงของผู้เสียหายท้ายอุทธรณ์ของจำเลยจำเลยมีภาระต้องอุปการะเลี้ยงดูครอบครัว โทษที่ลงแก่จำเลยก็ไม่รุนแรงนัก จึงขอให้รอการลงโทษจำเลยด้วย พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายซึ่งเป็นบุพการีของจำเลยนับเป็นการกระทำที่ขาดความยำเกรงเคารพนับถืออย่างยิ่ง ดังนั้น แม้ว่าผู้เสียหายไม่ประสงค์ที่จะเอาโทษจำเลยก็ตาม ก็ยังไม่เป็นเหตุที่จะรอการลงโทษให้จำเลยได้ และเหตุอื่นที่จำเลยอ้างในฎีกาก็ยังไม่มีน้ำหนักและเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษให้จำเลยเช่นกัน ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้วฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share