คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667-1668/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พาหนะที่จะริบได้นั้นต้องปรากฏว่าได้ใช้พาหนะนั้นบรรทุกสินค้า อันต้องห้าม รถยนต์ที่ใช้บรรทุกคนโดยสารซึ่งผู้ขับใช้บรรทุกคนโดยสารโดยไม่รู้ว่ามีการบรรทุกของต้องห้ามไปด้วย จะริบไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายเด็กเจ๊กจำเลยได้ขับรถยนต์หมายเลขที่ 0304 นำของต้องห้ามจากท้องที่จังหวัดเชียงรายเพื่อนำไปส่งยังตำบลท่าขี้เหล็ก จังหวัดเชียงตุง สหรัฐไทยใหญ่ โดยมิได้รับอนุญาตแต่ถูกเจ้าพนักงานจับระหว่างทาง ยังไม่ทันนำออกนอกราชอาณาจักรนายอโนทัย จ่านายสิบตำรวจสนั่น มีหน้าที่ตรวจของต้องห้าม ได้สมคบกับนายเด็กเจ๊กไม่ตรวจยึดไว้ นายอโนทัยจำเลยได้ควบคุมนำพาขนส่งของ จ่านายสิบตำรวจสนั่นสั่งให้ตำรวจงดจับกุม

นายเด็กเจ๊ก จำเลยปฏิเสธว่าเป็นเพียงคนขับรถ ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับของที่บรรทุก ของกลางอยู่ในหีบห่อไม่รู้ว่าเป็นของต้องห้าม

นายอโนทัย จ่านายสิบตำรวจสนั่นให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามไม่ได้ทำผิดให้ยกฟ้อง และคืนรถยนต์และเครื่องอุปกรณ์ของกลางแก่เจ้าของ

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อความตามพระราชบัญญัติควบคุมการสั่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 ความว่าจะริบพาหนะได้ต่อเมื่อได้ความว่าได้ใช้พาหนะนั้นบรรทุกสินค้าอันต้องห้ามตรง ๆ รถยนต์รายนี้เป็นพาหนะสำหรับบรรทุกคนโดยสาร และครั้งเกิดเหตุนี้ผู้ขับรถยนต์ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร มีการบรรทุกของต้องห้าม ทั้งปรากฏว่าเจ้าพนักงานได้ตรวจและอนุญาตให้ผ่านไปได้ โดยผู้ขับรถยนต์เชื่อโดยสุจริตว่าไม่มีของต้องห้ามอยู่ในรถ ที่ศาลทั้งสองไม่ริบรถยนต์และเครื่องอุปกรณ์รายนี้ชอบแล้ว พิพากษายืน

Share