คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทำสัญญาให้โจทก์ได้เช่าห้องของจำเลยโดยอ้างว่าได้ตกลงกับจำเลยแล้วตามสำเนาหนังสือท้ายฟ้องแต่หนังสือนี้มีข้อความเพียงว่า โจทก์จะรับเช่าห้องพิพาท ไม่มีข้อความว่าจำเลยตกลงจะให้เช่าหรือข้อความอื่นใดที่ผูกมัดจำเลยเลย ดังนี้ จึงไม่มีทางบังคับจำเลยตามฟ้องโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้เช่าห้องแถวเลขที่ 1068 ฎ. จากบิดาจำเลยโดยไม่ได้ทำสัญญาเช่นกัน บิดาจำเลยตามโจทก์กับนายสังเวียนได้ทำความตกลงกับจำเลยยอมชำระค่าเช่าที่ค้างกับยอมรับค่าเสียหายนายสังเวียนยอมคืนห้องเลขที่ 1068 ญ. โจทก์ยอมรับเช่าห้องเดิมและห้องที่นายสังเวียนเช่าต่อไป และยอมทำสัญญาเช่าภายในเดือนตุลาคม 2489 นายสังเวียนได้มอบหมายให้โจทก์ติดต่อกับจำเลยโจทก์ได้ชำระค่าเช่าและค่าเสียหายตามสัญญาแล้ว จำเลยไม่ยอมทำหนังสือเช่าและไม่ยอมรับชำระค่าเช่า จึงขอให้ศาลบังคับ จำเลยให้การปฏิเสธและว่าเอกสารท้ายฟ้องโจทก์ลงชื่อฝ่ายเดียว จำเลยไม่ได้ลงชื่อด้วยศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วเห็นว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องโดยอาศัยหนังสือซึ่งคัดมาท้ายฟ้องแต่หนังสือนี้มีความว่า โจทก์จะขอรับเช่าห้องเลขที่ 1068 ญ. ต่อไป โดยจะขอทำสัญญาเช่ากับจำเลย ไม่มีข้อความกล่าวว่าจำเลยตกลงให้เช่า ค่าเช่าเท่าใดก็มิได้พูด จึงต้องเข้าใจว่า แล้วแต่จะเจรจาต่อไป นอกจากจำเลยจะไม่ได้ลงชื่อในหนังสือนี้แล้ว ในหนังสือยังไม่มีข้อความใดกล่าวผูกมัดจำเลยว่า จะต้องให้เช่าห้องเลขที่1068 ญ. เมื่อหนังสือที่โจทก์อ้างเป็นมูลฟ้องมีความดังกล่าวก็ไม่มีทางบังคับจำเลยได้
พิพากษายืน

Share