แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติการพนันไม่มีบทมาตราใดที่บัญญัติ ไม่ให้ศาลใช้ดุลพินิจที่จะวางโทษจำคุกสถานเดียวศาลก็ย่อมอาศัยกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 23 ประกอบด้วยมาตรา 11 ใช้ในการดุลพินิจลงโทษจำคุกจำเลยแต่สถานเดียวได้ (อ้างฎีกา831/2479)
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ ได้ความว่า จำเลยกับพวกสมคบกันเล่นการพนันโปกำพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยที่เป็นเจ้าสำนักและจำเลยที่ 1 ได้เข้าเล่นพนันร่วมกับจำเลยอื่นและพวกที่หลบหนีไป ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีผิดตามพระราชบัญญัติการพนันให้จำคุกจำเลยที่ 1, 1 เดือน 15 วัน จำเลยอื่นคนละ 1 เดือน แต่ให้รอการลงอาญาจำเลยอื่นนอกจากจำเลยที่ 1 เมื่อศาลไม่ได้พิพากษาปรับจำเลย จึงไม่สั่งให้สินบนนำจับ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของสำนักต้องลงโทษทั้งจำคุกและปรับ ศาลจะลงโทษจำคุกสถานเดียวไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า ในพระราชบัญญัติการพนันไม่มีบทมาตราใดที่บัญญัติไม่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจที่จะวางโทษจำคุกสถานเดียว ในเมื่อพระราชบัญญัตินั้นวางกำหนดโทษผู้กระทำผิดไว้ทั้งจำคุกและปรับเมื่อไม่มีกฎหมายห้าม ศาลก็ย่อมอาศัยกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 23 ประกอบมาตรา 11 ใช้ดุลยพินิจลงโทษจำคุกจำเลยแต่สถานเดียวได้
พิพากษายืน