แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251,53 โจทก์พอใจมิได้อุทธรณ์หรือแก้อุทธรณ์แต่อย่างใด จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโดยเห็นว่า เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ดังนี้ โจทก์จะฎีกาว่า การกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการป้องกันเลยไม่ได้ คงฎีกาได้แต่เพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุเท่านั้น
จำเลยถูกคน 2 คนใช้ไม้กลุ้มรุมทำร้าย และคนหนึ่งกอดจำเลยไว้ อีกคนหนึ่งใช้ไม้ตีเช่นนี้ จำเลยใช้มีดพกปลายแหลมยาวเกือบคืบที่แย่งมาได้จากคน 2 คนนั้นแทงคนทั้ง 2 ไป ย่อมเป็นการแสดงว่าจำเลยจะแทงเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกกระทำร้ายเท่านั้น จึงเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 จำเลยต่อสู้ว่า กระทำโดยป้องกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามมาตรา 251, 53 คงจำคุก 5 ปีจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่า ไม่ใช่เรื่องป้องกันตัว แม้จะฟังว่าป้องกันก็เป็นการเกินสมควรแก่เหตุ
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ โจทก์พอใจในคำวินิจฉัยนั้นแล้ว มิได้อุทธรณ์หรือทำคำแก้อุทธรณ์คัดค้านโต้แย้งไว้แต่ประการใด ปัญหาข้อนี้จึงเป็นอันยุติ โจทก์จะกลับรื้อฟื้นในชั้นฎีกาเช่นนี้ไม่ได้ คงเหลือแต่ปัญหาเพียงว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยกับนายน้อย นายจุ่นผู้ตายมึนเมาสุราเดินทางมาด้วยกัน ผู้ตายมีไม้คนละอัน และมีมีดพกปลายแหลมด้วยอีก 1 เล่ม ได้เข้ากลุ่มรุมใช้ไม้ตีจำเลยจำเลยแย่งมีดพกเล่มนั้นมาได้ นายจุ่นกลับเข้ากอดปล้ำตัวจำเลยไว้และนายน้อยฉวยไม้เข้ามาตีจำเลยอีก จำเลยไม่มีโอกาสจะหลบหนีจึงได้ใช้มีดพกแทงไปในขณะนั้น และถูกผู้ตายทั้งสองเป็นบาดแผลตามใบชันสูตรบาดแผล ดังนี้ เห็นว่า เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
จึงพิพากษายืน