คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1063/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดาโจทก์เป็นเพียงพี่ร่วมมารดา(ต่างบิดา)ของยายผู้ตายถือว่า โจทก์มิใช่ ลุง ป้า น้า อา ของผู้ตาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นญาติของนางคำภา ๆ ตายเมื่อเดือน 12 พ.ศ. 2491 ก่อนตายนางคำภาได้พูดสั่งยกทรัพย์มรดกให้แก่โจทก์ทั้ง 7 คน ครั้นนางคำภาตายแล้ว จำเลยขัดขวางไม่ให้โจทก์ครอบครองทรัพย์มรดกของนางคำภา จึงขอให้บังคับจำเลยส่งทรัพย์ตามฟ้องให้โจทก์

จำเลยต่อสู้ว่า เป็นทรัพย์ของจำเลยและว่าโจทก์ไม่มีส่วนได้รับมรดกของนางคำภา เพราะยังมีญาติสนิทตัดไม่ให้โจทก์ได้รับมรดก

ศาลชั้นต้นพิพากษาแบ่งทรัพย์พิพาทเป็น 16 ส่วนให้โจทก์คนละส่วน จำเลยได้ 9 ส่วน

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เดิมนางดาได้นายจำปาเป็นสามีก่อน นายจำปาตายแล้ว นางดาถึงมาได้นายเบ้าหรือดังเป็นสามีใหม่ พวกโจทก์ทั้ง 7 คนสืบสายมาทางนายเบ้า ดังนี้มรดกของนางคำภาจึงต้องตกแก่ฝ่ายจำเลย พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องเครือญาติคงได้ความตามที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นกล่าว นางคำภาตายโดยไม่มีสามีและบุตรทั้งบิดามารดาก็ตายแล้วมรดกของนางคำภาจึงตกแก่นายกองพี่ร่วมบิดามารดาของนางจันสีมารดานางคำภา (ลุง) เมื่อนายกองตายก่อนนางคำภา ทรัพย์มรดกของนางคำภาจึงตกแก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรนายกองรับแทนที่นายกองสำหรับโจทก์นั้น บิดาของโจทก์เป็นเพียงพี่ร่วมมารดาของนางพายายนางคำภา โจทก์ทั้ง 7 จึงไม่ใช่ ลุง ป้า น้า อา ของนางคำภาไม่มีทางที่โจทก์จะรับมรดกของนางคำภาได้ จึงพิพากษายืน

Share