แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นได้เรียกนายตำรวจผู้หนึ่งมาเป็นพยานของศาล เพราะปรากฏตามหลักฐานของโจทก์ที่เกี่ยวโยงมาถึงนายตำรวจผู้นั้น ก็เฉพาะเหตุที่นายตำรวจผู้นั้นไปร่วมอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอื่นในขณะที่กำลังจับกุมจำเลย โจทก์ก็ได้สืบเจ้าหน้าที่ตำรวจประกอบกับบันทึกการจับกุมไว้แล้ว การที่สืบนายตำรวจเป็นพยานของศาลจึงมิใช่ลักษณะที่จะเพิ่มเติมคำพยานโจทก์เพื่อลงโทษจำเลย จึงเป็นการชอบด้วยประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 228
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนา
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๔๙, ให้จำคุก ๑๕ ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งตาม พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๖ จำคุก ๗ ปี ๖ เดือน คำรับมีประโยชน์แก่การพิจารณาลดกึ่งหนึ่งตาม มาตรา ๕๙ คงจำคุก ๓ ปี ๙ เดือน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นเรียกนายพันตำรวจตรีตรึกมาเป็นพยานศาลย่อมกระทำได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๘ เพราะหลักฐานของโจทก์ที่เกี่ยวโยงมาถึงนายพันตำรวจตรีตรึก เฉพาะเหตุที่นายพันตำรวจตรีตรึกไปอยู่ร่วมในขณะที่กำลังจับกุมจำเลย เหตุการณ์ตอนนี้โจทก์ได้นำสืบนายสิบตำรวจโทรประวีประกอบกับบันทึกในการจับกุมที่อ้างไว้แล้ว การสืบนายพันตำรวจตรีตรึก จึงไม่ใช่ลักษณะที่จะเพิ่มเติมคำพยานโจทก์เพื่อลงโทษจำเลย เป็นลักษณะที่ให้ความยุติธรรมแก่จำเลยเอง จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
พิพากษายืน