คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยผิดสัญญาไม่มีไม้ขายให้โจทก์โจทก์จึงถูกคนภายนอกปรับฐานผิดสัญญาอีกต่อหนึ่งแม้โจทก์จะยังไม่ชำระค่าปรับนั้นแต่โจทก์ได้ขอซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อส่งไปให้คนภายนอกตามจำนวนที่ตกลงกันแล้ว โจทก์เรียกให้จำเลยใช้ค่าเสียหายในจำนวนเงินนี้ได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2497 จำเลยได้ทำสัญญาขายไม้สักขนาดต่าง ๆ ให้โจทก์รวม 20 โลด ราคา 109,000 บาท โจทก์ได้ชำระเงินล่วงหน้าให้จำเลยแล้ว 28,000 บาท กำหนดส่งไม้ถึงโกดังโจทก์ภายใน 4 เดือนแต่จำเลยผิดสัญญาไม่ส่งไม้ให้โจทก์ตามสัญญา ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยคืนเงินล่วงหน้า 28,000 บาท และให้ใช้ค่าเสียหายที่ถูกบริษัทต่างประเทศปรับ เพราะโจทก์ไม่มีไม้ส่งให้ตามสัญญาเงิน 42,937 บาท50 สตางค์ ค่าขาดกำไรที่ควรได้ 9,000 บาท รวม 79,937 บาท 50 สตางค์กับขอให้เสียดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งแต่วันฟ้องด้วย

จำเลยให้การรับว่า ได้ทำสัญญาขายไม้ให้โจทก์จริง จำเลยมีไม้อยู่พร้อมแต่โจทก์ไม่ส่งคนไปวัดไม้ จำเลยจึงส่งมอบไม้ให้ไม่ได้โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยได้บอกเลิกสัญญาแล้ว โจทก์ไม่ได้เสียหายตามฟ้อง และคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความและเชื่อว่าจำเลยไม่มีไม้ให้โจทก์ครบตามสัญญา ทำให้โจทก์ถูกบริษัทต่างประเทศปรับ 750 ปอนด์ และขาดกำไรที่ควรได้ไป 2,000 บาท จึงพิพากษาให้จำเลยคืนเงินล่วงหน้าที่รับไปจากโจทก์ 28,000 บาท กับค่าเสียหายรวม 44,937 บาท 50 สตางค์ รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 72,937 บาท 50 สตางค์ ให้จำเลยเสียดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อไปนับแต่วันฟ้อง กับให้เสียค่าธรรมเนียมและค่าทนาย 1,200 บาทแทนโจทก์เว้นแต่ค่าขึ้นศาลให้ใช้เท่าที่โจทก์ชนะ

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และให้จำเลยเสียค่าทนายแทนโจทก์อีก 1,000 บาท

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาได้ประชุมปรึกษาคดีนี้แล้ว ปัญหาว่าฝ่ายใดเป็นผู้ผิดสัญญานั้น ฝ่ายจำเลยนำสืบว่า เมื่อทำสัญญากันแล้ว โจทก์ส่งนายก๊กกี่คอมปะโดร์ ของโจทก์ไปวัดไม้ครั้งเดียว เวลานั้นจำเลยมีไม้อยู่ 10 ตัน แต่วัดได้ 5 ตัน วัดแล้วยังไม่ได้คิดบัญชีกันและไม่ได้สั่งให้จำเลยส่งไม้ไปที่ใด ต่อมาโจทก์ไม่ได้ส่งคนไปวัดไม้อีกต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2498 นายก๊กกี่มาที่ห้างจำเลย ๆ ถามถึงเรื่องไม้ นายก๊กกี่บอกว่าให้รอไว้ก่อนจำเลยจึงบอกว่าต้องเลิกสัญญากัน และได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังโจทก์ โจทก์ขอให้ส่งไม้ต่อไป จำเลยว่าต้องว่าราคากันใหม่ เพราะไม้ขึ้นราคา

ฝ่ายโจทก์นำสืบว่า โจทก์ได้ทำสัญญาขายไม้ให้บริษัท เอฟ.เอ.ชอต.ที่เยอรมันนี จึงมาตกลงซื้อไม้จากจำเลย แล้วให้นายก๊กกี่ไปวัดไม้ นายก๊กกี่ไป 2 คราว ได้ไม้เพียง 3 ตัน ไม่พอที่จะส่งให้ส่งไปที่ใดนายก๊กกี่ไปขอวัดไม้อีกหลายคราวแต่จำเลยไม่มีไม้แล้วจำเลยกลับหาว่าโจทก์ผิดสัญญา การที่จำเลยไม่มีไม้ให้โจทก์ ๆไม่มีส่งให้บริษัท เอฟ.เอ.ชอต. โจทก์ต้องถูกบริษัท เอฟ.เอ.ชอต. ปรับ 750 ปอนด์ นอกจากนี้โจทก์ยังขาดกำไรที่ควรได้อีก 9,000 บาท

ศาลฎีกาพิเคราะห์คำพยานโจทก์จำเลยแล้ว เห็นว่า โจทก์ได้ทำสัญญาจะขายไม้ให้บริษัท เอฟ.เอ.ชอต. แล้วจึงได้ตกลงซื้อไม้จากจำเลย และให้เงินล่วงหน้าไว้กับจำเลย 28,000 บาท ถ้าจำเลยมีไม้ที่จะส่งให้โจทก์จริง แต่โจทก์ไม่รับแล้ว โจทก์จะถูกจำเลยริบเงิน 28,000 บาท และผิดสัญญากับบริษัท เอฟ.เอ.ชอต.อีก ทั้งขณะนั้นไม้ก็ขึ้นราคาไปแล้ว ถ้าจำเลยมีไม้จะส่งให้โจทก์จริง โจทก์ก็คงจะรับวัดส่งไปยังต่างประเทศ เพราะนอกจากจะไม่ผิดสัญญากับจำเลยและต่างประเทศแล้ว โจทก์ยังจะได้กำไรอีกด้วย พยานโจทก์ที่ว่าจำเลยไม่มีไม้ส่งให้โจทก์ จึงมีเหตุผลควรเชื่อฟังยิ่งกว่าพยานจำเลยแม้จำเลยจะมีโรงเลื่อยเอง แต่จำเลยรับทำสัญญาในเวลาเดียวกันหลายราย จึงหาไม้ตามสัญญาไม่ได้พอก็ได้ ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังมาว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่มีไม้ส่งให้โจทก์จึงเป็นการชอบด้วยเหตุผลแล้ว ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ควรเสียค่าเสียหายที่โจทก์ถูกบริษัท เอฟ.เอ.ชอต.ปรับ เพราะโจทก์ยังมิได้เสียหายจริง โดยโจทก์ยังมิได้จ่ายค่าปรับให้บริษัท เอฟ.เอ.ชอต. อย่างไรก็ดีค่าปรับที่โจทก์จะต้องเสียนี้ โจทก์ตกลงกับบริษัท เอฟ.เอ.ชอต. ภายหลังที่สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยสิ้นอายุแล้ว จะมาเรียกร้องเอาจากจำเลยไม่ได้ข้อนี้ได้ความว่าเมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่มีไม้ส่งให้โจทก์ ๆ ไม่มีไม้จะส่งให้บริษัท เอฟ.เอ.ชอต.ตามสัญญาโจทก์ขอยืดเวลาไป 2 เดือน เพื่อจะหาซื้อไม้จากที่อื่นให้บริษัท เอฟ.เอ.ชอต. แต่หาไม่ได้ บริษัท เอฟ.เอ.ชอต. เรียกร้องเอาค่าเสียหาย 1,5000ปอนด์ แต่ได้ต่อรองกันในที่สุดบริษัท เอฟ.เอ.ชอต. ได้ยอมรับค่าเสียหาย 750 ปอนด์ ซึ่งโจทก์ได้ยื่นคำขออนุญาตซื้อเงินปอนด์จากธนาคารชาติ เพื่อส่งให้บริษัท เอฟ.เอ.ชอต.แล้ว แต่คำอนุญาต ยังไม่ตกมา ศาลฎีกาจึงเห็นว่าการที่โจทก์ถูกบริษัท เอฟ.เอ.ชอต.ปรับนั้น ก็เนื่องมาจากการที่จำเลยผิดสัญญาไม่มีไม้ส่งให้โจทก์ จึงทำให้โจทก์ไม่มีไม้ส่งให้บริษัท เอฟ.เอ.ชอต. การที่โจทก์ขอยืดเวลาเพื่อหาไม้จากที่อื่นส่งให้บริษัท เอฟ.เอ.ชอต. ก็เพื่อบรรเทาความเสียหายให้น้อยลง ซึ่งย่อมจะเป็นผลดีถึงจำเลยด้วย ฉะนั้น จึงไม่เป็นเหตุจะให้จำเลยยกขึ้นมาเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดไปได้ และแม้ว่าโจทก์ยังไม่ได้จ่ายค่าปรับไปจริง แต่โจทก์กับบริษัท เอฟ.เอ.ชอต. มีการตกลงเรื่องค่าปรับกันแน่นอนแล้ว และโจทก์ก็ขออนุญาตแลกเงินปอนด์เพื่อส่งให้บริษัท เอฟ.เอ.ชอต.แล้ว โจทก์จึงได้รับความเสียหายจริง ซึ่งจำเลยจำต้องชดใช้ให้ ศาลฎีกาจึงเห็นว่าที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้ โจทก์นั้นถูกต้องแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

จึงพิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายชั้นฎีกาแทนโจทก์อีก 1,000 บาท

Share