แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ที่แจวเรือรับคนร้ายมาส่ง และจอดคอยอยู่ห่างที่เกิดเหตุ 5 วาในระหว่างที่คนร้ายขึ้นปล้นทรัพย์บนบก แล้วแจวเรือรับคนร้ายกลับไปมีความผิดฐานสมรู้ในการปล้น
ย่อยาว
ในคดีปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ตาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยผู้ปล้นตามกฎหมาย มาตรา 301 วรรค 4 และลงโทษนายเขียว จำเลยฐานเป็นผู้สมรู้ โดยวางโทษจำคุกตลอดชีวิต ลดหนึ่งในสามตามมาตรา 65, 38(1) คงจำคุก 12 ปี ศาลฎีกาพิพากษายืน โดยวินิจฉัยว่า “คดีคงมีปัญหาต่อไปว่า นายเขียวจำเลยจะมีผิดเป็นตัวการหรือผู้สมรู้ ได้ความว่านายเขียวจำเลยเอาเรือมาจอดห่างจากที่เกิดเหตุ 5 วาเศษ เมื่อคนร้ายขึ้นทำการปล้น นายเขียวจำเลยคงอยู่ในเรือตลอด ไม่ปรากฏว่าได้ช่วยเหลือทำอะไรอีก เมื่อคนร้ายปล้นแล้วก็กลับลงเรือ นายเขียวจำเลยก็แจวเรือนั้นไป เพียงเท่านี้จะฟังว่านายเขียวจำเลยกระทำผิดเป็นตัวการยังไม่ถนัด ควรมีผิดฐานเป็นผู้สมรู้โดยให้กำลังพาหนะอันเป็นอุปการแก่การปล้น ดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ที่นายเขียวฎีกาว่าจำเลยมีอาชีพเป็นคนแจวเรือจ้างจำเลยไม่อาจทราบได้ว่าคนที่จำเลยไปส่งและรับมาเป็นพวกปล้นนั้นตามที่ได้ความดังกล่าวมา คดีฟังได้ชัดว่านายเขียวจำเลยย่อมรู้เห็นในการปล้นทรัพย์นี้ด้วย ฎีกานายเขียวจำเลยจึงตกไป”