แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายจะเอาปืนยิงจำเลย จำเลยจึงเข้าแย่งปืนๆได้ลั่นขึ้น 1 นัด แล้วผู้ตายเอาลูกกระสุนบรรจุปืนและจะยิงจำเลยอีก จำเลยจึงแทงเอาปืนหลุดจากมือผู้ตายแล้วผู้ตายยังจะแย่งเอาปืนอีก จำเลยจึงต้องแทงผู้ตายอีกหลายที และเอาปืนยิงผู้ตายล้มลงขาดใจตาย ดังนี้ ไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุ เพราะเมื่อผู้ตายยังพยายามจะแย่งเอาปืนจากจำเลยแล้ว อันตรายก็ยังมีอยู่ จำเลยจะหยุดยั้งเสียไม่ได้เพราะเป็นเวลาฉุกเฉิน การกระทำของจำเลยจึงได้รับการยกเว้นโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 50
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยฆ่านายมุมตายโดยเจตนา ขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่
ศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานหลักฐานไม่พอฟังลงโทษจำเลยจึงพิพากษายกฟ้อง
อัยการและโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำคุกจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 มีกำหนด 15 ปี ลดตามมาตรา 59 เสีย 1 ใน 3 คงจำคุก10 ปี มีดของกลางริบ
โจทก์ร่วมและจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาประชุมปรึกษาแล้ว ตามข้อเท็จจริงได้ความว่านายมุมจะเอาปืนยิงจำเลย ๆ จึงเข้าแย่งปืนนายมุม ปืนได้ลั่นไปแล้วนายมุมเอาลูกกระสุนบรรจุปืน และจะยิงจำเลยอีก จำเลยจึงแทงเอา ปืนหลุดจากมือนายมุม แล้วนายมุมยังจะแย่งเอาปืนอีกจำเลยจึงต้องแทงนายมุมอีกหลายที และเอาปืนยิงนายมุมล้มลงขาดใจตาย การกระทำของจำเลยดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่าไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุ เพราะเมื่อนายมุมยังพยายามจะแย่งปืนไปจากจำเลยแล้วอันตรายก็ยังมีอยู่จำเลยจะหยุดยั้งเสียไม่ได้ เพราะเป็นเวลาฉุกเฉินการกระทำของจำเลยจึงได้รับความยกเว้นโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 50
จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลย