แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ตามปกติของการซื้อขายปุ๋ยของจำเลยที่ 1 เมื่อมีผู้นำใบสั่งจ่ายสินค้ามาขอรับปุ๋ยจำเลยที่ 1 จะส่งมอบปุ๋ยให้โดยมิต้องตรวจสอบว่าผู้นำใบสั่งจ่ายสินค้ามาขอรับปุ๋ยเป็นใคร มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1 หรือไม่ ทั้งด้านหลังของใบสั่งจ่ายสินค้ามีข้อความคำเตือน 3 ข้อ โดยข้อหนึ่งระบุว่าต้องให้ผู้โอนลงลายมือชื่อรับรองและด้านล่างมีช่องให้ผู้โอนลงลายมือชื่อด้วย แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 และลูกค้าที่มาซื้อปุ๋ยมีข้อตกลงโดยปริยายแต่ต้นว่าผู้ซื้อสามารถโอนขายใบสั่งจ่ายสินค้าให้แก่บุคคลใดก็ได้ และจำเลยที่ 1 จะมอบปุ๋ยแก่ผู้นำใบสั่งจ่ายสินค้ามาแสดง ใบสั่งจ่ายสินค้าจึงเป็นเอกสารที่อาศัยความไว้วางใจกันในประเพณีในวงการค้าขายปุ๋ยว่า จำเลยที่ 1 สัญญาจะส่งมอบปุ๋ยแก่ผู้นำใบสั่งจ่ายสินค้ามารับปุ๋ยจากจำเลยที่ 1 ดังนั้นโจทก์ในฐานะผู้ครอบครองตั๋วปุ๋ยหรือใบสั่งจ่ายสินค้าซึ่งซื้อปุ๋ยจากจำเลยที่ 2 จึงสามารถนำไปรับหรือเบิกปุ๋ยจากจำเลยที่ 1 ได้ จำเลยที่ 1 จะยกเหตุส่วนตัวระหว่างร้าน อ. กับจำเลยที่ 2 มาปฏิเสธไม่ส่งมอบปุ๋ยแก่โจทก์ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดและเป็นผู้จำหน่ายปุ๋ยใช้เครื่องหมายตราเกษตร โจทก์มีอาชีพขายสินค้าทุกประเภทในทางเกษตรกรรม โจทก์ซื้อหรือรับโอนสิทธิในสินค้าปุ๋ยเคมีสูตร 16-20-0 จากนายรุ่งโรจน์ ชูกิตติวิบูลย์ หรือ “เอก อำนวยยศ” จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นปุ๋ยของจำเลยที่ 1 ที่ได้จำหน่ายให้แก่บุคคลอื่นหรือแก่จำเลยที่ 2 และได้ออกใบสั่งจ่ายสินค้าให้แก่จำเลยที่ 2 หรือแก่ผู้รับสินค้าในนามว่า “เอกอำนวยยศ” โจทก์ได้ชำระค่าปุ๋ยให้แก่จำเลยที่ 2 ครบถ้วน จำเลยที่ 2 ได้โอนสิทธิในใบสั่งจ่ายสินค้าให้แก่โจทก์เพื่อให้โจทก์รับไปหรือเข้าครอบครองใบสั่งจ่ายสินค้าเพื่อจำหน่ายต่อไปยังบุคคลอื่น ๆ หรือผู้ซื้อคนอื่นเพื่อนำใบสั่งจ่ายสินค้าไปรับสินค้าจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ออกใบสั่งจ่ายสินค้าได้ โจทก์ซื้อปุ๋ยจำนวน 15 ตัน ราคา 75,000 บาท เมื่อโจทก์ติดต่อขอรับสินค้าปุ๋ยจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ปฏิเสธอ้างว่าลูกค้าที่สั่งซื้อไม่ชำระเงินค่าปุ๋ยแก่จำเลยที่ 1 และลูกค้าขอให้ระงับการจ่ายปุ๋ยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบปุ๋ย สูตร 16-20-0 ตราเกษตร จำนวน 15 ตัน แก่โจทก์ หากไม่ส่งมอบหรือส่งมอบไม่ได้ให้ร่วมกันใช้ราคาเป็นเงิน 75,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบปุ๋ยหรือใช้ราคาแทนแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยรู้จักหรือมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 2 ในการซื้อขายปุ๋ยตามที่โจทก์กล่าวอ้างจำเลยที่ 1 จำหน่ายให้แก่ร้านอำนวยการเกษตร ร้านอำนวยการเกษตรได้ให้จำเลยที่ 1 ออกใบรับสินค้าปุ๋ยในนาม “เอก อำนวยยศ” ซึ่งจะสามารถรับปุ๋ยได้ก็ต่อเมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้ระบุไว้เสียก่อน จำเลยที่ 2 ไม่ได้รับเงินค่าปุ๋ยจากโจทก์ ร้านอำนวยการเกษตร มีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ระงับการจ่ายปุ๋ยอ้างว่าผู้ซื้อยังไม่ชำระค่าปุ๋ย ในขณะเดียวกันร้านอำนวยการเกษตรก็ไม่ชำระค่าปุ๋ยให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จำหน่ายปุ๋ยให้ลูกค้าในราคาตันละ 4,250 บาท จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ไม่เคยรู้จักหรือติดต่อซื้อขายปุ๋ยกับจำเลยที่ 1 รวมทั้งไม่เคยโอนสิทธิในการซื้อปุ๋ยหรือรับเงินจากโจทก์ ใบสั่งจ่ายสินค้าเป็นเอกสารที่จำเลยที่ 1 ออกให้ร้านอำนวยการเกษตร จำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่เคยได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ โจทก์เป็นผู้กำหนดราคาปุ๋ยตันละ 5,000 บาท ซึ่งมิใช่ราคาขณะซื้อขายกัน ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา ศาลจังหวัดนครปฐมมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เด็ดขาดและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ประสงค์เข้าว่าคดีแทนจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่าโจทก์รับโอนสิทธิในการซื้อสินค้าปุ๋ยเคมี สูตร 16-20-0 ซึ่งเป็นสินค้าปุ๋ยพิพาทตามเอกสารหมาย จ.8 ถึง จ.10 หรือสำเนาเอกสารหมาย ล.6 โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกใบสั่งจ่ายสินค้าดังกล่าวแก่ร้านอำนวยการเกษตรซึ่งใช้ชื่อในการติดต่อกับจำเลยที่ 1 ว่า “เอก อำนวยยศ” ร้านอำนวยการเกษตรขายใบสั่งจ่ายสินค้าปุ๋ยพิพาทดังกล่าวแก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ชำระราคาโดยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ร้านอำนวยการเกษตรแล้วโอนขายใบสั่งจ่ายสินค้าปุ๋ยพิพาทให้แก่โจทก์ โจทก์ชำระราคาแก่จำเลยที่ 2 แล้ว แต่เช็คที่จำเลยที่ 2 สั่งจ่ายให้แก่ร้านอำนวยการเกษตรเรียกเก็บเงินไม่ได้ร้านอำนวยการเกษตรจึงแจ้งให้จำเลยที่ 1 ระงับการส่งมอบสินค้าปุ๋ยพิพาทและมิได้ชำระเงินให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงไม่ยอมส่งมอบปุ๋ยแก่โจทก์
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า โจทก์ในฐานะผู้ครอบครองใบสั่งจ่ายสินค้าตามเอกสารหมาย จ.8 ถึง จ.10 โดยได้รับโอนมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนมีสิทธิฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ออกใบสั่งจ่ายสินค้านั้นส่งมอบสินค้าตามใบสั่งจ่ายสินค้าดังกล่าวให้แก่โจทก์ได้หรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ใบสั่งจ่ายสินค้าตามเอกสารหมาย จ.8 ถึง จ.10 เป็นเอกสารที่จำเลยที่ 1 นำสืบยอมรับว่า ตามปกติของการซื้อขายปุ๋ย เมื่อมีผู้นำใบสั่งจ่ายสินค้าเช่นเดียวกับเอกสารหมาย จ.8 ถึง จ.10 มาขอรับปุ๋ย จำเลยที่ 1 จะส่งมอบปุ๋ยให้โดยมิต้องตรวจสอบว่าผู้นำใบสั่งจ่ายสินค้าขอรับปุ๋ยเป็นใคร มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1 อย่างไรหรือไม่ ทั้งด้านหลังของใบสั่งจ่ายสินค้ามีข้อความ “คำเตือน” 3 ข้อ คือ “1. เพื่อป้องกันการปลอมแปลงใบสั่งจ่ายสินค้านี้ ควรรับโอนจากผู้ที่เชื่อถือได้ หรือผู้เคยค้าประจำเท่านั้น และต้องให้ผู้โอนลงลายมือชื่อรับรองพร้อมทั้งประทับตรา (ถ้ามี) 2. บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบในความเสียหาย อันอาจจะเกิดขึ้นระหว่างผู้โอนและผู้รับโอนไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น 3. บริษัทฯ จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันทีกับผู้ปลอมแปลงใบสั่งจ่ายสินค้านี้ หรือทำให้บริษัทฯ เกิดการเสียหาย” และด้านล่างมีช่องให้ผู้โอนลงลายมือชื่อด้วย แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 และลูกค้าที่มาซื้อปุ๋ยมีข้อตกลงโดยปริยายแต่ต้นว่าผู้ซื้อสามารถโอนขายใบสั่งจ่ายสินค้าให้แก่บุคคลใดก็ได้ และจำเลยที่ 1 จะมอบปุ๋ยแก่ผู้นำใบสั่งจ่ายสินค้ามาแสดง จึงได้มีคำเตือนผู้รับโอนให้ระมัดระวังในเรื่องใบสั่งจ่ายสินค้าปลอมเท่านั้น ใบสั่งจ่ายสินค้าตามเอกสารหมาย จ.8 ถึง จ.10 จึงเป็นเอกสารที่อาศัยความไว้วางใจกันในประเพณีในวงการค้าขายปุ๋ยว่า จำเลยที่ 1 สัญญาจะส่งมอบปุ๋ยแก่ผู้นำใบสั่งจ่ายสินค้ามารับปุ๋ยจากจำเลยที่ 1 ดังนั้นโจทก์ในฐานะผู้ครอบครองตั๋วปุ๋ยหรือใบสั่งจ่ายสินค้าตามเอกสารหมาย จ.8 ถึงจ.10 จึงสามารถนำไปรับหรือเบิกปุ๋ยจากจำเลยที่ 1 ได้ จำเลยที่ 1 จะยกเหตุส่วนตัวระหว่างร้านเอกอำนวยการเกษตร หรือที่ใช้ชื่อในทางการค้าว่า “เอก อำนวยยศ” กับจำเลยที่ 2 มาปฏิเสธไม่ส่งมอบปุ๋ยแก่โจทก์ไม่ได้ เพราะจำเลยที่ 1 มีสัญญาที่จะต้องส่งมอบปุ๋ยแก่ผู้นำใบสั่งจ่ายสินค้ามาเบิกปุ๋ยแก่ตนตั้งแต่ต้นแล้ว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น แต่ที่โจทก์ขอดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นั้น เห็นว่า ในเรื่องนี้มิได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ โจทก์จึงคิดได้อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในกรณีที่จำเลยที่ 1 ผิดนัดเท่านั้น”
พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบปุ๋ยตามใบสั่งจ่ายสินค้าเอกสารหมาย จ.8 ถึง จ.10 แก่โจทก์ หากไม่ส่งมอบหรือส่งมอบไม่ได้ก็ให้ใช้ราคา 75,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบปุ๋ยหรือใช้ราคาแทนแก่โจทก์