แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ลงลายมือชื่อผู้เรียงและผู้พิมพ์ฟ้องแต่ไม่ได้ลงลายมือชื่อโจทก์ จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) และการที่จะสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้องหรือไม่ประทับฟ้องตามมาตรา 161 วรรคหนึ่งก็ล่วงเลยเวลาที่จะปฏิบัติได้ เพราะศาลชั้นต้นได้สั่งประทับฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาจนเสร็จสิ้นคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์แล้ว ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่มีวิธีปฏิบัติเป็นประการอื่นนอกจากพิพากษายกฟ้องโจทก์ และมาตรา 161 หาได้เป็นบทบัญญัติซึ่งมิได้กำหนดระยะเวลาให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์แก้ไขฟ้องให้ถูกต้องเสียเมื่อใด ก็ได้ก่อนคดีถึงที่สุดไม่ ทั้งปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยมิได้ยกขึ้นโต้แย้งคัดค้านศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามมาตรา 195 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 8, 15, 67 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 และบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้เข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1376/2544 ของศาลชั้นต้น เป็นจำคุก 12 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกฟ้องเนื่องจากโจทก์มิได้ลงลายมือชื่อไว้ในฟ้องนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาสรุปได้ว่า การที่โจทก์มิได้ลงลายมือชื่อไว้ในฟ้องเป็นความผิดพลาดที่อยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขได้ และโจทก์ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้เรียงแล้ว ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161 มิได้กำหนดระยะเวลาว่า ศาลจะมีคำสั่งให้โจทก์แก้ไขฟ้องให้ถูกต้องเมื่อใด เมื่อคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุดจึงยังอยู่ในวิสัยที่ศาลจะมีคำสั่งให้โจทก์แก้ไขฟ้องให้ถูกต้องได้ตามบทบัญญัติดังกล่าวนั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 บัญญัติว่า “ฟ้องต้องทำเป็นหนังสือ และมี ฯลฯ (7) ลายมือชื่อโจทก์ผู้เรียง ผู้เขียนหรือพิมพ์ฟ้อง” ตามฟ้องโจทก์คงปรากฏแต่เพียงลายมือชื่อผู้เรียงและผู้พิมพ์ฟ้องเท่านั้น ไม่ปรากฏลายมือชื่อโจทก์จึงถือเป็นฟ้องที่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) และการที่จะสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้องหรือไม่ประทับฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161 วรรคหนึ่ง นั้นก็ล่วงเลยเวลาที่จะปฏิบัติได้เพราะศาลชั้นต้นได้สั่งประทับฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาจนเสร็จสิ้น จนต่อมาคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 แล้วศาลอุทธรณ์ภาค 1 ย่อมไม่มีวิธีปฏิบัติเป็นประการอื่น นอกจากต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์เสีย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161 หาได้เป็นบทบัญญัติซึ่งมิได้กำหนดระยะเวลาให้มีคำสั่งให้โจทก์แก้ไขฟ้องให้ถูกต้องเสียเมื่อใด ก็ได้ก่อนคดีถึงที่สุดดังที่โจทก์ฎีกาไม่ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านในประเด็นที่โจทก์มิได้ลงลายมือชื่อไว้ในฟ้องดังกล่าว เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดตามฟ้องของโจทก์จริงนั้น ปัญหาว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เนื่องจากไม่มีลายมือชื่อโจทก์นั้น เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นโต้แย้งคัดค้าน ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ย่อมมีอำนาจยกขึ้นอ้างและวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน