คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานตำรวจจะจับกุมจำเลยในข้อหาลักทรัพย์ จำเลยไม่ยอมให้จับกุมหลบหนีเข้าป่า แล้วได้ใช้อาวุธปืนยิงจากในป่านั้น แต่อยู่ห่างไกลกับเจ้าพนักงานตำรวจ และไม่รู้ว่าวิถีกระสุนไปทางไหน ดังนี้ ยังไม่ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าเจ้าพนักงานตำรวจ จำเลยคงมีความผิดฐานต่อสู้เจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140 เท่านั้นไม่มีความผิดฐานเจตนาฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ขอให้ลงโทษ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138, 140 และ 289 ประกอบด้วยมาตรา 80 ให้ลงโทษตามมาตรา 289, 80 จำคุกคนละ 20 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานโจทก์เบิกความแตกต่าง พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยกับพวกถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในข้อหาลักทรัพย์จำเลยกับพวกไม่ยอมให้จับกุม ได้ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อต่อสู้ขัดขวางมิให้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุม แต่ข้อเท็จจริงเป็นกรณีสงสัยไม่พอรับฟังว่ามีเจตนาฆ่าเจ้าพนักงาน เพราะเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจยิงปืนขู่ จำเลยกับพวกหลบหนีเข้าป่า ได้ใช้อาวุธปืนยิงจากในป่านั้น แต่อยู่ห่างไกลกับเจ้าพนักงานและไม่รู้ว่าวิถีกระสุนไปทางไหน

พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140 ให้จำคุกคนละ 3 ปี

Share