แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยผู้ขอประกันได้เสนอบัญชีทรัพย์มาพร้อมคำร้องแล้ว
หมายเหตุ คดีทั้งสองสำนวนนี้โจทก์เป็นบุคคลรายเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกัน โดยให้เรียกจำเลยในสำนวนแรกว่า จำเลยที่ 1 และเรียกจำเลยในสำนวนหลังว่า จำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,300 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43,78,157,160 ให้ลงโทษฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จำคุก 1 ปี ฐานไม่ให้ความช่วยเหลือตามสมควรไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน จำคุก1 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 1 เดือน จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43,157 ลงโทษปรับ1,000 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1ฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส มีกำหนด6 เดือน และลดโทษให้จำเลยที่ 1 ในความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78,160 วรรคแรก หนึ่งในสาม คงจำคุก 20 วัน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน 20 วัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 79)
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกา (อันดับ 80)
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องดังกล่าวโดยมีคำร้องประกอบของจำเลยและผู้ขอประกัน (อันดับ 77,76 แผ่นที่ 4, ที่ 5)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวทั้งในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โดยในชั้นอุทธรณ์ตีราคาประกัน 65,000 บาท (อันดับ 8,57)
คำสั่ง
ศาลฎีกามีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยแล้ว จึงไม่รับคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกาไว้พิจารณา