แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
ลำเหมืองชลประทานซึ่งเป็นที่สาธารณะเมื่อบุคคลใดได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานให้ขุดบุคคลนั้นย่อมมีสิทธิในลำเหมืองที่ตนขุดดีกว่าบุคคลอื่นๆ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และทำประโยชน์ในเนื้อที่นาจำนวน 137 ไร่ซึ่งอยู่ระหว่างห้วยแม่เฮิมและห้วยคำตำบลสบสาย อำเภอสูงเมนจังหวัดแพร่ โจทก์ได้ขออนุญาตต่อคณะกรรมการอำเภอสูงเม่นขุดเหมืองฝายจากลำห้วยแม่เฮิมลงสู่ที่โจทก์คณะกรมการอำเภอได้อนุญาตแล้ว จำเลยได้ขุดดินถมลำเหมืองอักษรหมาย ก. สีแดงในแผนที่ท้ายฟ้อง โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้จำเลยให้ค่าเสียหาย 4,000 บาท และรื้อลอกลำเหมืองให้อยู่ในสภาพเดิม หรือชดใช้ค่ารื้อ 400 บาท ต่อมาโจทก์ขอถอนฟ้องเฉพาะนายคำ ศาลอนุญาตส่วนนายสาน นายบัวมา นายปี๋ นายจู ขาดนัดยื่นคำให้การ
ต่อมานายคำ นายบุญ นายขัด นายตัน ร้องสอดขอเข้าเป็นจำเลยต่อสู้คดีกับโจทก์ ศาลสั่งอนุญาต จำเลยต่อสู้หลายประการและตัดฟ้องว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย
ในการพิจารณาโจทก์จำเลยรับข้อเท็จจริงกันว่า เดิมเหมืองรายพิพาทอักษร ก.โจทก์ได้รับอนุญาตให้ขุดขึ้นได้ตามคำอนุญาตของคณะกรมการอำเภอสูงเม่นซึ่งสั่งโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร ต่อมามีผู้ร้องต่อจังหวัดขอให้ระงับคณะกรมการจังหวัดสั่งให้ประชุมราษฎรออกเสียงตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร พ.ศ. 2482 มาตรา 22 ราษฎรข้างมากไม่ยอมให้ขุดเหมืองหมาย ก. ทางอำเภอจึงสั่งห้ามโจทก์ดำเนินการขุดต่อไป ต่อมานายยศโจทก์ ได้ยื่นคำร้องฝ่ายเดียวต่อศาลจังหวัดแพร่ ๆ มีคำสั่งเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2493 ว่าการที่คณะกรมการจังหวัดสั่งให้คณะกรมการอำเภอปฏิบัติไปตามพระราชบัญญัติการชลประทานพ.ศ. 2482 มาตรา 22 นั้นไม่ชอบเพราะเหมืองฝายรายพิพาทนี้เป็นการชลประทานหรือเหมืองฝายส่วนบุคคล อำเภอและจังหวัดไม่มีอำนาจ คำสั่งจึงไม่มีผลบังคับได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ครั้นต่อมาวันที่ 19 มิถุนายน 2494 ฝ่ายจำเลยได้เข้าถมเหมืองพิพาทหมายอักษร ก. โจทก์จึงฟ้อง ส่วนเรื่องค่าเสียหาย 4,000 บาท และค่าขุดลอกเหมือง400 บาท โจทก์ขอถอนไปเพื่อศาลจะได้ชี้ขาดในปัญหาข้อกฎหมายที่ได้โต้เถียงกัน
ศาลจังหวัดแพร่วินิจฉัยว่า เหมืองฝายหมายอักษร ก. เป็นเหมืองชลประทานส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎรมาตรา 4 และคณะกรมการอำเภอได้สั่งอนุญาตให้โจทก์กับพวกขุดเหมืองรายนี้ได้ตามมาตรา 7 แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิในเหมืองรายพิพาท การที่ทางจังหวัดสั่งให้ระงับการเหมืองโดยอาศัยเสียงข้างมากตามมาตรา 22(ก) นั้นศาลได้เคยวินิจฉัยไว้จนถึงที่สุดแล้วว่าเป็นโมฆะ เมื่อคำสั่งของจังหวัดอำเภอเป็นโมฆะแล้วคำสั่งที่อนุญาตให้ขุดเหมืองลงวันที่ 3กรกฎาคม 2491 ก็ยังคงสมบูรณ์อยู่ตามเดิม สิทธิของโจทก์ยังคงมีอยู่ พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกาคัดค้านว่าเหมืองที่โจทก์ขุดล้ำเข้ามาในลำเหมืองแม่เฮิม ซึ่งเป็นเหมืองชลประทานส่วนราษฎร ฉะนั้นจะเรียกว่าเหมืองของโจทก์เป็นชลประทานส่วนบุคคลไม่ได้ควรต้องบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการชลประทานส่วนราษฎร ที่ที่โจทก์ขุดเป็นที่สาธารณะ โจทก์ขุดเข้ามาในลำเหมืองแม่เฮิมแม้โจทก์จะได้รับอนุญาตแต่เดิม ต่อมาทางอำเภอก็มีคำสั่งห้ามไม่ให้โจทก์ขุดแล้วเมื่อการขุดของโจทก์ทำให้จำเลยเสียหายจำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันรักษาสิทธิของจำเลยไว้ได้ เมื่อโจทก์กระทำการโดยมิชอบ และจำเลยเข้าขัดขวาง โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่าที่จำเลยยกขึ้นกล่าวในฎีกาของตนว่าเหมืองหมาย ก. ขุดล้ำเข้ามาในลำเหมืองแม่เฮิม ซึ่งเป็นเหมืองชลประทานส่วนราษฎรจึงควรใช้กฎหมายว่าด้วยการชลประทานส่วนราษฎรบังคับแก่ลำเหมืองที่โจทก์ขุดด้วยนั้น เห็นว่าจำเลยกล่าวอ้างข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายขึ้นใหม่เกี่ยวกับสภาพแห่งลำเหมืองรายพิพาทนี้ ซึ่งไม่ได้ว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้นจึงไม่รับพิจารณา คดีต้องฟังว่าลำเหมืองรายพิพาทเป็นการชลประทานส่วนบุคคล ดังที่ศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยมาแล้วนอกจากนี้ศาลจังหวัดแพร่ยังได้วินิจฉัยเป็นยุติมาแล้วในคดีแดงที่ 53/2493 ว่าคำสั่งของคณะกรมการอำเภอที่ให้โจทก์ระงับการขุดเหมืองนั้นเป็นโมฆะ คำสั่งให้โจทก์ระงับการขุดเหมืองนั้นไม่มีผลและคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ขุดเหมืองแต่เดิมนั้นยังคงให้ได้ตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร พ.ศ. 2482 บุคคลอาจขุดเหมืองชลประทานส่วนบุคคลเพื่อระบายน้ำเข้าในที่ของตนซึ่งมีเนื้อที่ไม่เกิน200 ไร่ เช่นในกรณีของโจทก์นี้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานด้วยซ้ำ อนึ่งแม้โจทก์จะขุดในที่สาธารณะ เมื่อปรากฏว่าได้ขุดโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานซึ่งคำสั่งนั้นยังใช้ได้อยู่ดังกล่าวข้างต้น โจทก์ก็มีสิทธิในลำเหมืองที่ตนขุดดีกว่าบุคคลอื่น ๆ ถ้าจำเลยถือว่าตนเสียหาย ก็ต้องว่ากล่าวร้องฟ้องโจทก์ตามกฎหมายหรือร้องเรียนระงับความเสียหายของตนตามมาตรา 5, 6, 9 และ 10 ของพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร พ.ศ. 2482 หาใช่จะใช้อำนาจเข้าถมลำเหมืองที่โจทก์ขุดเสียเองดังนี้ได้ไม่
พิพากษายืน