คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1151/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรอาวุธปืน ถูกจับได้พร้อมทั้งเงินที่ขายปืนได้ 17,895 บาท จำเลยให้การว่าเงินขายปืนได้มีเพียง 5,800 บาท เงินที่เหลือเป็นเงินส่วนตัวของจำเลย เฉพาะเงิน 5,800 บาท นี้จำเลยไม่ติดใจโต้แย้ง ดังนี้ แม้จะฟังได้ว่าเงินของกลางเป็นเงินที่จำเลยได้จากการขาดปืนก็ตาม จะถือว่าผู้เสียหายเป็นเจ้าของเงินของกลางทั้งหมดไม่ได้ เพราะมิใช่ทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไป และจำเลยรับไว้โดยรู้ว่าเป็นเงินที่ได้จากการกระทำผิด แต่เป็นเงินของผู้ที่ซื้อปืนไปจากจำเลย ให้จำเลยเป็นการชำระราคาปืน ฉะนั้น จึงต้องคืนเงินของกลางให้แก่ผู้เสียหาย 5,800 บาท เท่าจำนวนที่จำเลยพอใจคืนให้แก่ผู้เสียหาย ส่วนที่เหลือต้องคืนให้แก่จำเลย ต่อจากนั้นโจทก์ต้องดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลที่จะให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาปืนที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร อาวุธปืนพกสั้นจำนวน ๘๗ กระบอก ราคา ๙๙,๕๙๐ บาทของกองทัพบกของสหรัฐ เจ้าพนักงานจับจำเลยที่ ๑ ได้พร้อมอาวุธปืนจำนวน ๑๒ กระบอก กับเงินขายปืนได้ ๑๗,๘๙๕ บาท จับจำเลยที่ ๒ ได้พร้อมเงินที่ได้มาจากการขายปืน ๕,๐๐๐ บาท และจำเลยที่ ๓ ได้พร้อมอาวุธปืนจำนวน ๙ กระบอก ต่อมาเจ้าพนักงานติดตามปืนที่ถูกคนร้ายลักไปได้อีก ๒๔ กระบอกซึ่งจำเลยทั้งสามนำไปขายและฝากผู้อื่น ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๓๕๗, ๘๓ กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนปืน ๘๗ กระบอกหรือใช้ราคา ๙๙,๕๙๐ บาทแก้ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพฐานรับของโจทก์ เงินที่จำเลยขายปืนได้มีเพียง ๕,๘๐๐ บาท เงินของกลางที่เหลือเป็นเงินส่วนตัวของจำเลย ขอให้พิพากษาคืนเงินส่วนตัวให้จำเลยด้วย
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ ให้จำคุก ๔ ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๒ ปี คืนเงินของกลางให้ผู้เสียหาย ๕,๘๐๐ บาท ส่วนที่เหลือจำเลยที่ ๑ ในจำเลยที่ ๑ คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่คืนแก่ผู้เสียหาย ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ และที่ ๓
โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ ๑คืนเงินของกลาง ๑๕,๐๐๐ บาทให้แก่ผู้เสียหาย กับขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๓ ตามฟ้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยสถานเบา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นว่า จำเลยที่ ๓ มีความผิดฐานรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๗ ให้จำคุก ๒ ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์ในการวินิจฉัย ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๑ ปี ที่โจทก์ขอให้จำเลยร่วมคืนปืน ๘๗ กระบอกหรือใช้ราคา ๙๙,๕๙๐ บาทแก่ผู้เสียหาย ให้ยกเสีย เพราะข้อเเท็จจริงจำเลยได้รับของโจรเฉพาะปืนของกลางเท่านั้นกับให้จำเลยที่ ๑คืนเงินของกลางจำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย เงินที่เหลือ ๒,๘๙๕ บาท ให้คืนจำเลยที่ ๑ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า ขอให้คืนเงินของกลางที่เป็นเงินขายปืนได้เพียง ๕,๘๐๐ บาทแก่ผู้เสียหาย ส่วนที่เหลือคืนให้จำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๓ ฎีกาขอให้ยกฟ้องหรือรอการลงโทษ
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๙ บัญญัติว่า “แม้จะไม่มีฟ้องคดีส่วนแพ่งก็ตาม เมื่อพิพากษาคดีส่วนอาญา ศาลจะสั่งให้คืนทรัพย์ของกลางแก้เจ้าของก็ได้” เมื่อกรณีฟังได้ว่าเงินของกลางเป็นเงินที่จำเลยที่ ๑ ได้จากการขายปืนของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปก็ตาม จะถือว่าผู้เสียหายเป็นเจ้าของเงินของกลางจำนวนนี้ไม่ได้ เพราะเงินของกลางมิใช่ทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกคนร้านลักไป แล้วจำเลยที่ ๑ รับไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดแต่เป็นเงินของผู้ที่ซื้อปืนไปจากจำเลยที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๑ เป็นการชำระราคาปืนเงินของกลางจึงเป็นของจำเลยที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๑ เป็นการชำระราคาปืนเงินของกลางจึงเป็นของจำเลยที่ ๑ ฉะนั้นจึงต้องคืนเงินของกลางให้แก่ผู้เสียหาย ๕,๘๐๐ บาทเท่าจำนวนทีจำเลยที่ ๑ พอใจให้คืนแก่ผู้เสียหาย(ตามคำให้การของจำเลยที่ ๑ ส่วนที่เหลือต้องคืนให้แก่จำเลยที่ ๑ ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลที่ให้จำเลยที่ ๑ คืนหรือใช้ราคาปืนที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายต่อไป
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะข้อที่ให้คืนเงินของกลาง ๑๕,๐๐๐ บาทให้แก่ผู้เสียหาย เป็นว่า ให้คืนเงินของกลาง ๕,๘๐๐ บาท แก่ผู้เสียหายส่วนที่เหลือให้คืนแก่จำเลยที่ ๑ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยกฎีกาจำเลยที่ ๓

Share