คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 447/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า สามีโจทก์ได้ขายฝากที่นาไว้กับจำเลยแต่มีเงินให้ไม่ครบ จำเลยจึงทำเป็นหนังสือสัญญากู้เงินให้แก่โจทก์ไว้ขอให้ใช้เงินศาลจะสั่งให้งดสืบพยานโจทก์เสียหาชอบไม่เพราะมูลหนี้ตามฟ้องย่อมเป็นไปได้ไม่เป็นการฝืนความจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า สามีโจทก์ขายฝากที่นาไว้แก่จำเลยเป็นเงิน 40,000 บาท จำเลยมีเงินให้ไม่ครบจำเลยจึงทำเป็นสัญญากู้เงิน 10,069 บาท ให้แก่โจทก์ต่อมาจำเลยได้ผ่อนให้โจทก์ 1,000 บาท จำเลยจึงยังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่ใช้อีก9,069 บาท ต่อมาผู้ร้ายลักสัญญากู้ไปเสียโจทก์ขอให้จำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย

จำเลยให้การปฏิเสธว่า ไม่เคยซื้อฝากที่ดินจากโจทก์ และไม่เคยกู้เงินโจทก์

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ และจำเลยไม่ขอสืบพยาน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ทำการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า มูลหนี้ตามโจทก์กล่าวในฟ้องย่อมเป็นไปได้ไม่ใช่จะเป็นการฝืนความจริง โจทก์กับผู้ขายฝากที่ดินเป็นสามีภริยากัน ซึ่งถ้าจำเลยไม่มีเงินค่าซื้อฝากให้สามีโจทก์ครบถ้วนตามสัญญาขายฝาก สามีโจทก์ก็ย่อมตกลงให้จำเลยทำเป็นสัญญากู้เงินได้ตามจำนวนที่ยังขาดอยู่

พิพากษายืน

Share