คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย 2 คนฐานสมคบกันชิงทรัพย์จำเลยทั้ง 2 รับสารภาพตามฟ้องเมื่อสืบพยานประกอบคำรับสารภาพ โจทก์มีคำเจ้าทรัพย์ยืนยันฟังได้ว่า การชิงทรัพย์รายนี้มีคนอีกคนหนึ่งร่วมกระทำการกับจำเลยที่1 ด้วยและมีพยานอีกคนหนึ่งเห็นจำเลยที่ 2 เดินตามหลังจำเลยที่ 1 ไปในคืนวันเกิดเหตุ หลังจากเกิดเหตุแล้วดังนี้ แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยได้ในขณะกระทำผิดเมื่อพิเคราะห์ประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยที่ 2 แล้วคดีพอลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานสมคบกันชิงทรัพย์ จำเลยทั้ง 2ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลชั้นต้นสืบพยานประกอบคำรับสารภาพแล้วฟังว่าจำเลยที่ 1 ทำผิดตามฟ้องจริง ส่วนจำเลยที่ 2 ยังฟังไม่ได้ว่ากระทำผิด จึงพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ตามฟ้องแต่ผู้เดียว ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอลดโทษ

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 2 ผิดฐานชิงทรัพย์ด้วยนอกนั้นยืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนปรึกษากันแล้วเห็นว่า โจทก์มีคำเจ้าทรัพย์ยืนยันฟังได้ว่าการชิงทรัพย์รายนี้ มีคนอีกคนหนึ่งร่วมกระทำการกับจำเลยที่ 1ด้วย และมีนายเหลี่ยม เจริญผลเป็นพยานเห็นจำเลยที่ 2 เดินตามหลังจำเลยที่ 1 ไปในคืนวันเกิดเหตุ หลังจากเกิดเหตุแล้ว เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยที่ 2 แล้วเป็นที่พอใจว่า จำเลยที่ 2 ได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยได้ในขณะกระทำผิด ก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176 จึงพิพากษายืน

Share