คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ขายสินค้าต่างๆ ของตนที่มีอยู่ในห้องเช่าให้จำเลย และยอมให้จำเลยใช้สิทธิในห้องนั้นได้ ถ้าโจทก์ต้องการเมื่อใด จำเลยก็จะยอมคืนห้องโดยดี จำเลยจึงได้เข้าอยู่ในห้องนั้นต่อมาดังนี้ ถือว่าจำเลยไม่ใช่ตัวแทนของโจทก์ หากจะว่าเป็นผู้ครอบครองแทนในระหว่างสัญญาเช่า เมื่อสิ้นสัญญาเช่าแล้ว โจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยไปทำสัญญาเช่าแทนตนแต่ประการใด จนเจ้าของห้องได้ให้จำเลยเป็นผู้เช่าโดยตรงแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิให้จำเลยคืนห้องแก่โจทก์ได้

ย่อยาว

ได้ความว่า ห้องหมายเลขที่ 131-132 ที่พิพาทเป็นของบริษัทเชียงใหม่พาณิชจำกัด โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าไว้จากเจ้าของมีกำหนด7 เดือน ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2488 สัญญาจะสิ้นอายุในวันสิ้นเดือนธันวาคม 2488 ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2488 โจทก์จำเลยทำสัญญาไว้ต่อกันฉบับหนึ่งมีใจความว่า โจทก์ขายสินค้าต่าง ๆ ของโจทก์ที่มีอยู่ในห้องพิพาทให้จำเลยและยอมให้จำเลยใช้สิทธิในร้านของโจทก์ได้ถ้าโจทก์ต้องการร้านคืนเมื่อใด จำเลยยอมคืนให้โดยดี ตั้งแต่นั้นมาจำเลยจึงได้เข้าอยู่ในร้านพิพาท ครั้นวันที่ 8 ธันวาคม 2488 ผู้จัดการบริษัทเชียงใหม่ได้มีหนังสือบอกกล่าวแก่ผู้เช่าห้องของบริษัทซึ่งรวมทั้งโจทก์ด้วยว่าหากประสงค์จะเช่าห้องต่อไป ก็ให้ไปทำสัญญาเช่าต่อภริยาจำเลยเซ็นทราบคำบอกกล่าวนี้ ต่อมาวันที่ 29 ธันวาคม 2488 จำเลยได้ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทกับบริษัทเชียงใหม่ในนามจำเลย โดยต้องเสียเงินกินเปล่าอีก 1,000 บาท

บัดนี้ โจทก์จะเอาห้องคืน จำเลยไม่ยอมโจทก์จึงฟ้องขอคืนร้านพิพาท

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนร้านพิพาทแก่โจทก์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามรูปเรื่อง จำเลยมิใช่ตัวแทนของโจทก์หากจะว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองในระหว่างสัญญาเช่า แต่เมื่อสิ้นสัญญาเช่านั้นแล้วโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยไปทำสัญญาเช่าแทนแต่ประการใด จนเจ้าของห้องได้ ให้จำเลยเป็นผู้เช่าโดยตรงเช่นนี้ จะมาอ้างว่าจำเลยเป็นผู้แทนตนในการทำสัญญาเช่าฉบับหลังหาได้ไม่จึงพิพากษายืน

Share