คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2489

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้รับประกันอ้างว่าสัญญาไม่สมบูรณ์ เพราะจำเลยไม่เข้าใจภาษาไทย และไม่มีล่ามรับรอง แต่จำเลยไม่สืบพยานและในสัญญาก็มีข้อความว่าผู้รับประกันเข้าใจสัญญาดีแล้วดังนี้ข้ออ้างนั้นย่อมฟังไม่ขึ้น
พฤติการณ์ที่ไม่ควรลดเงินค่าประกัน. คดีก่อนศาลยกฟ้องเพราะเหตุโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ผู้ที่มีอำนาจฟ้องฟ้องมาใหม่ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาประกันกับโจทก์ในฐานะตำแหน่งหน้าที่ราชการประกันตัวผู้ต้องหาในคดีอาญา จำเลยผิดสัญญาประกันไม่ส่งตัวผู้ต้องหา ขอให้จำเลยใช้เงินตามสัญญา

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามสัญญา

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าพนักงานสอบสวนฟ้องคดีนี้ตามลำพังไม่ได้

โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาคดีนี้ใหม่ตามประเด็นข้ออื่นต่อไป

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วคงฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ทำสัญญาประกันจริง ข้อที่จำเลยอุทธรณ์ว่า สัญญาไม่สมบูรณ์เพราะไม่มีล่ามรับรองว่าจำเลยเข้าใจข้อความในสัญญา และจำเลยไม่รู้ภาษาไทยนั้น ปรากฏว่าจำเลยได้ลงลายมือชื่อเป็นคู่สัญญา มีข้อความว่า”ข้าพเจ้าเข้าใจข้อสัญญาข้างต้นนี้แล้ว” จำเลยไม่ได้นำสืบหักล้างข้อความอันปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรนี้อย่างไรเลย จึงฟังไม่ขึ้นจำเลยอุทธรณ์อีกข้อหนึ่งว่า นายพันตำรวจตรีสงวนเคยฟ้องจำเลยในเรื่องนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้องแล้วโจทก์มาฟ้องคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำนั้น ได้ความว่า คดีก่อนนายพันตำรวจตรีสงวนมาฟ้องในกรณีเดียวกันนี้ ศาลยกฟ้องโดยยกเหตุขึ้นอ้างว่าฟ้องของนายพันตำรวจตรีสงวนเป็นฟ้องในส่วนตัวเอง แต่สัญญาประกันได้ทำในตำแหน่งหน้าที่ราชการไม่มีอำนาจฟ้องจึงให้ยกฟ้องศาลอุทธรณ์เห็นว่า ในคดีก่อนศาลมิได้วินิจฉัยประเด็นแห่งคดีไม่อยู่ในบังคับมาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาตัดสินว่า ข้อที่ยกขึ้นฎีกา ก็ทำนองเดียวกับชั้นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ละเอียดแล้ว จึงพิพากษายืน

Share