คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้ซื้อเครื่องปรับอากาศ 6 เครื่องจากโจทก์ในราคาซึ่งไม่รวมภาษีขาเข้า โดยมีข้อตกลงกันว่า จำเลยซึ่งได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรมและมีสิทธิได้รับยกเว้นอากรขาเข้า ภาษีการค้าและอื่นๆ ตกลงให้โจทก์สั่งเครื่องปรับอากาศในนามของจำเลยเพื่อชดใช้แทนเครื่องปรับอากาศ 6 เครื่องที่รับไปจากโจทก์ เมื่อสินค้าที่สั่งมาถึงจำเลยจะเป็นผู้ดำเนินเรื่องเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีให้แก่โจทก์จนกว่าจะแล้วเสร็จ โจทก์ได้ตรวจดูบัตรส่งเสริมการลงทุนฯ ของจำเลยแล้ว ปรากฏว่ามีเวลาสั่งซื้อสินค้าทันกำหนดเวลาในบัตรส่งเสริมการลงทุนฯ ดังนี้ ตามข้อตกลงดังกล่าวมีความหมายว่า โจทก์จะต้องสั่งเครื่องปรับอากาศเข้ามาให้ทันระยะเวลาที่กำหนดไว้ในบัตรส่งเสริมการลงทุนฯ ซึ่งโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าจะหมดอายุเมื่อใด การที่โจทก์สั่งสินค้าล่าช้าเป็นเหตุให้สินค้ามาถึงประเทศไทยเลยกำหนดระยะเวลาในบัตรส่งเสริมการลงทุนฯจำเลยจึงติดต่อขอยกเว้นเงินอากรขาเข้า และภาษีการค้าไม่สำเร็จ จึงเป็นความผิดของโจทก์เอง จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ในค่าอากรขาเข้า ภาษีการค้า ภาษีเทศบาลและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่โจทก์ต้องเสียไปเพื่อนำเครื่องปรับอากาศออกมา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ซื้อเครื่องปรับอากาศจำนวน 6 เครื่อง รวมราคา 56,600 บาท โดยมีเงื่อนไขว่า จำเลยมีหน้าที่ต้องดำเนินการขอยกเว้นภาษีอากรในการนำเข้าต่อกรมศุลกากร รวมตลอดถึงค่าใช้จ่ายในการนำเข้าด้วย เพราะจำเลยได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรมมีสิทธิได้รับยกเว้นการเสียอากรขาเข้าและภาษีการค้าจำเลยได้ขอให้โจทก์ส่งสินค้าให้ก่อน โจทก์ตกลงและส่งสินค้าดังกล่าวให้จำเลย จำเลยได้ชำระราคาสินค้าให้โจทก์แล้วโจทก์จึงได้สั่งซื้อเครื่องปรับอากาศไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาในนามของจำเลยเป็นผู้ซื้อ และเครื่องปรับอากาศดังกล่าวมาถึงท่าเรือนครหลวงฯ โจทก์จึงแจ้งให้จำเลยดำเนินการขอยกเว้นภาษีอากรตามที่ตกลงกันจำเลยได้ดำเนินการแล้วปรากฏว่ากรมศุลกากรไม่อนุญาต เพราะบัตรส่งเสริมการลงทุนของจำเลยหมดอายุ โจทก์จึงต้องชำระอากรขาเข้าภาษีการค้า ภาษีเทศบาลและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รวม 51,737 บาท 35 สตางค์ เพื่อนำเครื่องปรับอากาศออกมา ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 51,737 บาท 35 สตางค์ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า โจทก์ตกลงขายเครื่องปรับอากาศให้จำเลยโดยไม่รวมค่าภาษีอากรในการนำเข้า เนื่องจากจำเลยมีบัตรส่งเสริมการลงทุน ขณะนั้นยังมีเวลาอีก 11 เดือนจึงจะหมดอายุซึ่งเป็นเวลาเพียงพอที่โจทก์สั่งสินค้า หากการส่งสินค้าล่าช้าโจทก์ควรรีบแจ้งให้จำเลยทราบเพื่อจัดการต่ออายุบัตรส่งเสริมการลงทุนของจำเลย แต่โจทก์ปล่อยปละละเลย จึงเป็นความผิดของโจทก์เอง

ชั้นพิจารณาโจทก์ขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยไปฝ่ายเดียว โดยฝ่ายโจทก์มาซักค้านทนายจำเลย

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้เสียค่าภาษีอากร ค่าภาษีการค้า และภาษีเทศบาล และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไปจริงและเป็นจำนวนเท่าใด พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อตกลงสัญญาที่จำเลยได้ทำให้โจทก์ไว้ต่อท้ายหนังสือสั่งซื้อเครื่องปรับอากาศมีข้อความว่า “เมื่อเครื่องปรับอากาศดังกล่าวจำนวน 6 เครื่องเดินทางมาถึง บริษัทไทยแฮร (1968) จำกัด (หมายถึงจำเลย) จะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีให้แก่ห้าง บี.กริม (หมายถึงโจทก์) จนกว่าจะแล้วเสร็จจากข้อตกลงดังกล่าวมีความหมายว่า โจทก์จะต้องสั่งเครื่องปรับอากาศเข้ามาให้ทันระยะเวลาที่กำหนดไว้ในบัตรส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรมซึ่งโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าจะหมดอายุการส่งเสริมเมื่อใด หาได้มีข้อความใด ๆ ว่าจำเลยจะต้องรับผิดในกรณีที่สินค้าที่โจทก์สั่งมาถึงล่าช้าเกินกำหนดระยะเวลาในบัตรส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรมแต่ประการใดไม่ เมื่อโจทก์แจ้งให้จำเลยไปขอรับการยกเว้นภาษี ทั้งที่โจทก์ได้สั่งสินค้าล่าช้าจนมาถึงประเทศไทยเลยกำหนดระยะเวลาได้รับยกเว้นอากรขาเข้าและภาษีการค้าเช่นนี้ เห็นได้โดยชัดแจ้งว่า เป็นความผิดของโจทก์เองที่สั่งสินค้าล่าช้าทั้ง ๆ ที่โจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าระยะเวลาสิ้นสุดตามบัตรส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรมมีเพียงใดถ้าหากโจทก์ได้รีบสั่งสินค้าเสียแต่แรกก็ยังมีระยะเวลาทันได้รับยกเว้นภาษีอากรดังกล่าว เมื่อกรณีสินค้าที่สั่งมาถึงล่าช้าไม่อาจรับยกเว้นการเสียภาษีอากรเกิดจากความผิดของโจทก์เช่นนี้จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามโจทก์ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล

พิพากษายืน

Share