คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5441/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยและพิพากษาในประเด็นที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยหรือไม่ เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะใช้ดุลพินิจกระทำได้เมื่อปรากฏว่าทั้งโจทก์และจำเลยต่างนำพยานหลักฐานของตนเข้าสืบจนเสร็จสิ้นกระแสความแล้ว เพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาพิพากษาคดี ศาลอุทธรณ์จะใช้ดุลพินิจวินิจฉัยประเด็นที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยเสียให้เสร็จสิ้นโดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ได้
คดีก่อนโจทก์ฟ้องอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทมาโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 อันมีลักษณะเป็นการแย่งกรรมสิทธิ์ คดียังไม่ถึงที่สุด โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ว่าได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทแปลงเดียวกันมาจากการซื้อขายโดยสละและส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้และตกลงจะแบ่งแยกให้ภายหลัง ประเด็นข้อพิพาทคดีทั้งสองจึงแตกต่างกันฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยดำเนินการรังวัดแบ่งแยกและจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 22151 ตำบลหนองตางู อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ให้แก่โจทก์เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายประการแรกว่า คดีนี้โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขคดีแดงที่ 1278/2540 ของศาลชั้นต้น เพียงประเด็นเดียวเท่านั้นเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 6 เห็นว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำก็ชอบที่จะยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นอื่นที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยเสียให้ครบถ้วน การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ไม่ย้อนสำนวนแล้ววินิจฉัยประเด็นที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยเสียเองเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 จะให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยและพิพากษาในประเด็นที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยหรือไม่ เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ภาค 6 ที่จะใช้ดุลพินิจกระทำได้ เมื่อคดีนี้ปรากฏว่าทั้งโจทก์และจำเลยต่างนำพยานหลักฐานของตนเข้าสืบจนเสร็จสิ้นกระแสความแล้ว เพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาพิพากษาคดี ย่อมเป็นการชอบแล้วที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 จะใช้ดุลพินิจวินิจฉัยประเด็นที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยเสียให้เสร็จสิ้นโดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายต่อไปว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1278/2540 ของศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า คดีทั้งสองแม้โจทก์และจำเลยจะเป็นคู่ความรายเดียวกัน ที่ดินที่ฟ้องเรียกเป็นที่ดินแปลงเดียวกันและโจทก์ฟ้องคดีนี้ในขณะที่คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1278/2540 ยังไม่ถึงที่สุดก็ตามแต่คดีดังกล่าวโจทก์ฟ้องอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทมาโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 อันมีลักษณะเป็นการแย่งกรรมสิทธิ์ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทมาจากการซื้อขายโดยสละและส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้โดยตกลงว่าจะไปแบ่งแยกให้ภายหลัง ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีทั้งสองจึงแตกต่างกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1278/2540 ของศาลชั้นต้น ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”

พิพากษายืน

Share