แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์นำสืบได้ความเพียงว่า เจ้าพนักงานตำรวจสืบทราบจากสายลับว่าจำเลยที่ 1 ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วขอหมายค้นจากศาลชั้นต้นเข้าตรวจค้นทันที โดยมิได้ดำเนินการเป็นขั้นตอนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานทั้งปวงโดยวิธีการล่อซื้อเพื่อเป็นการยืนยันให้มั่นคงถึงพฤติการณ์การกระทำของจำเลยที่ 1 ว่าร่วมกับจำเลยที่ 2ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจริง พฤติการณ์ที่โจทก์นำสืบมาไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ใคร ที่ไหน อย่างใด และเมื่อใด กรณีไม่ใช่เป็นการคาดคิดหรือเป็นความเข้าใจของผู้จับกุมที่จะทราบเพียงลำพังตนเองอันเป็นการรู้เฉพาะบุคคลตามที่โจทก์ฎีกา โจทก์มีภาระการพิสูจน์ที่จะต้องนำสืบถึงพฤติการณ์ทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิดตามที่โจทก์อ้างเพื่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่บุคคลอื่นจนปราศจากสงสัย มิใช่อาศัยคำรับในชั้นจับกุมหรือคำเบิกความของจำเลยที่ 1 ที่เบิกความตอบโจทก์ถามค้านเพียงว่า เมื่อซื้อเมทแอมเฟตามีนมาแล้วจะให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้เก็บและจำเลยที่ 1 เคยนำเมทแอมเฟตามีนจำหน่ายให้บุคคลอื่น คำเบิกความจำเลยที่ 1 เป็นเพียงคำเบิกความลอย ๆเท่านั้น แม้จะเป็นผลร้ายแก่ตนเองก็ยังไม่พอฟังลงโทษจำเลยที่ 1ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย นอกจากนี้เมทแอมเฟตามีนของกลางคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ถึง 20 กรัมไม่เข้าข้อสันนิษฐานตามกฎหมายที่จะถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย คงรับฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ซึ่งข้อหาดังกล่าวเป็นเหตุในลักษณะคดีมีผลถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้อุทธรณ์ ให้ได้รับผลตามคำพิพากษาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 59 เม็ด น้ำหนัก 4.72 กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำเลยทั้งสองเสพเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวนใดไม่ปรากฏชัด โดยเสพรับยาเสพติดให้โทษดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีสูบรมควันอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรีจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวน 59 เม็ด และธนบัตรจำนวน 3,500 บาทเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 57, 66, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 33, 83, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนและธนบัตรจำนวน3,500 บาท ของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับว่ามีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,57, 66 วรรคหนึ่ง, 91 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้จำคุกคนละ 6 ปี ความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนให้จำคุกคนละ 1 ปี รวมให้จำคุกคนละ 7 ปี จำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุกจำเลยที่ 1ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นเวลา 4 ปีและจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนเป็นเวลา6 เดือน สำหรับจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 4 ปี 6 เดือน ให้ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางและให้คืนธนบัตรจำนวน 3,500 บาท แก่เจ้าของ คำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,67 ลงโทษจำคุกคนละ 5 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน เมื่อรวมโทษของจำเลยทั้งสองในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนแล้วคงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 3 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกันจับกุมจำเลยทั้งสองได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวน 59 เม็ด และเงินจำนวน 3,500 บาทเป็นของกลาง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ โจทก์ฎีกาโต้แย้งดุลพินิจวินิจฉัยในการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 7 โดยเห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาพอฟังลงโทษจำเลยทั้งสองได้นั้น สำหรับปัญหาดังกล่าวโจทก์มีร้อยตำรวจเอกเจษฎากร ศรีงาม และนายดาบตำรวจธวัช เอี่ยมสะอาดศรี มาเป็นพยานเบิกความยืนยันว่าก่อนจับกุมจำเลยทั้งสองนายดาบตำรวจธวัชสืบทราบจากสายลับว่า จำเลยที่ 1 ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่บ้านเลขที่ 23 ถนนแสนคำแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรีจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีกลุ่มวัยรุ่นเข้าออกที่บ้านของจำเลยที่ 1 เป็นประจำจึงรายงานให้ร้อยตำรวจเอกเจษฎากรทราบ และพยานทั้งสองได้ร่วมกับพวกวางแผนจับกุมโดยขอหมายค้นจากศาลชั้นต้นตามเอกสารหมาย จ.1และเข้าตรวจค้นบ้านของจำเลยที่ 1 พบเมทแอมเฟตามีนของกลางจากกระเป๋าเสื้อของจำเลยที่ 2 รวม 59 เม็ด ในชั้นจับกุมจำเลยที่ 1รับว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวแล้วมอบให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้เก็บแต่ในชั้นพิจารณาคดีของศาลจำเลยที่ 1 นำสืบว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางมีไว้เพื่อเสพ จำเลยที่ 1 ลงชื่อในบันทึกการจับกุมโดยไม่ได้อ่านข้อความ เห็นว่า พยานหลักฐานตามที่โจทก์นำสืบมาได้ความเพียงว่า นายดาบตำรวจธวัชสืบทราบจากสายลับว่าจำเลยที่ 1ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่บ้านเกิดเหตุก็รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วขอหมายค้นจากศาลชั้นต้นเข้าตรวจค้นทันทีโดยมิได้ดำเนินการเป็นขั้นตอนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานทั้งปวงโดยวิธีการล่อซื้อเพื่อเป็นการยืนยันให้มั่นคงถึงพฤติการณ์ การกระทำของจำเลยที่ 1 ว่าร่วมกันกับจำเลยที่ 2 ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจริง พฤติการณ์แห่งคดีตามที่โจทก์นำสืบมายังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 1ร่วมกับจำเลยที่ 2 โดยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ใคร ที่ไหน อย่างใด เมื่อใด ไม่ใช่เป็นการคาดคิดหรือเป็นความเข้าใจของพยานโจทก์ผู้จับกุมที่จะทราบเพียงลำพังตนเองเป็นการรู้เฉพาะบุคคลดังฎีกาโจทก์ โจทก์มีภาระการพิสูจน์ที่จะต้องนำสืบถึงพฤติการณ์ทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิดตามที่โจทก์อ้างเพื่อแสดงให้เห็นว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่บุคคลอื่นจนปราศจากสงสัยว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดจริงมิใช่เพียงอาศัยคำรับในชั้นจับกุม หรือคำเบิกความของจำเลยที่ 1 ที่เบิกความตอบโจทก์ถามค้านเพียงว่า เมื่อซื้อเมทแอมเฟตามีนมาแล้วจะให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้เก็บ จำเลยที่ 1ไม่ได้เก็บเอง จำเลยที่ 2 เคยนำเมทแอมเฟตามีนจำหน่ายให้บุคคลอื่นลำพังเพียงคำเบิกความของจำเลยที่ 1 ที่เบิกความลอย ๆ เพียงเท่านั้นแม้จะเป็นผลร้ายแก่ตัวเองก็ยังไม่พอฟังลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังฎีกาโจทก์ได้ นอกจากนี้เมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักเพียง 4.72 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ถึง 20 กรัม ไม่เข้าข้อสันนิษฐานของกฎหมายที่จะถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พยานหลักฐานโจทก์เท่าที่นำสืบมายังไม่พอรับฟังลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายได้ คงรับฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และข้อหาดังกล่าวเป็นเหตุในลักษณะคดี การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7พิพากษาถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้อุทธรณ์ให้ได้รับผลตามคำพิพากษาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 นั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน