แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลพิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทในกรณีที่จะเป็นการขัดขวางต่อสิทธิของโจทก์ที่จะทำเหมืองแร่โจทก์ผู้ชนะคดีชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีภายใน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2503)
ย่อยาว
คดีนี้ ปรากฏตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2485 ห้ามไม่ให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทเฉพาะในกรณีที่จะเป็นการขัดขวางต่อสิทธิของโจทก์ในอันที่จะทำเหมืองแร่ตามอำนาจของผู้ถือประทานบัตร คู่ความได้ฟังคำพิพากษาศาลฎีกา วันที่ 10 เมษายน 2485
ครั้นวันที่ 18 สิงหาคม 2501 โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยขัดขวางไม่ยอมให้โจทก์เปิดทำเหมืองแร่ขึ้นในที่พิพาทและเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากโจทก์เป็นเงิน 40,000 บาท โจทก์จึงขอให้ศาลมีหมายบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษา โดยมีคำสั่งไม่ให้จำเลยเข้าขัดขวางการดำเนินการทำเหมืองแร่ของโจทก์ต่อไป
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การบังคับคดีเริ่มเดินนับแต่เวลาขัดขวางคดีจึงยังไม่ขาดอายุความในการบังคับคดี จึงมีคำสั่งให้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกาดังกล่าว
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องของโจทก์โดยอ้างเหตุเป็นสำคัญว่า โจทก์ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาเมื่อเกิน10 ปีแล้ว จึงหมดสิทธิร้องขอให้บังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกา โดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 บัญญัติว่า ผู้ชนะคดีชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีภายใน10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง โจทก์มาขอบังคับคดีเมื่อเกินกำหนดเวลาตาม มาตรา 271 นี้แล้วไม่ได้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำร้องของโจทก์ชอบแล้ว
พิพากษายืน