คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1714/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าเพื่อป้องกัน เกินสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 60,68, 69 ให้จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่า โดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 60, และ 72ให้จำคุก 2 ปี เช่นนี้ เป็นการพิพากษาแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2515)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๑๐ เวลากลางคืนหลังเที่ยงจำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนยิงนางนฤมลและนายธรรมนูญ ชะโลปถัมภ์ หลายนัดได้รับบาดเจ็บปรากฏตามรายงานชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง โดยจำเลยมีเจตนาฆ่านางนฤมลและนายธรรมนูญจำเลยลงมือกระทำผิดโดยตลอดแล้ว แต่การกระทำของจำเลยไม่บรรลุผลเพราะกระสุนปืนไม่ถูกอวัยวะสำคัญของนางนฤมลและนายธรรมนูญ และแพทย์รักษาทันท่วงที นางนฤมลและนายธรรมนูญจึงไม่ตายสมดังเจตนาของจำเลย เหตุเกิดที่ตำบลในเมืองอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๖๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า นางนฤมลใช้ท่อนเหล็กตีจำเลยก่อน จำเลยจึงยิงนางนฤมลเพื่อป้องกันไม่ให้นางนฤมลใช้ท่อนเหล็กตีจำเลยอีก แต่นางนฤมลมีบาดแผลที่ต้นไหล่กระสุนปืนค้างด้านหลัง และนายธรรมนูญมีบาดแผลที่หน้าท้องและแขนซ้าย จำเลยได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ แล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๖๐ ประกอบด้วยมาตรา ๖๘, ๖๙ให้จำคุกจำเลย ๓ ปี
โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยยิงนางนฤมลเพราะความหึงหวง ไม่ใช่เพื่อป้องกัน ขอให้ลงโทษจำเลยไปตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยยิงนางนฤมลเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุขอให้ยกฟ้องถ้าศาลอุทธรณ์ฟังว่าเกินสมควรแก่เหตุ ก็ขอให้ลงโทษจำเลยให้น้อยลง และขอให้รอการลงโทษจำเลยไว้ด้วย
ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่านางนฤมลใช้ท่อนเหล็กตีจำเลยก่อน การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน แต่นางนฤมลก่อเหตุขึ้นก่อนได้ไล่จำเลยเอาด้ามไม้กวาดขว้างไปทางจำเลย และด่าประจานจำเลยด้วยคำที่หยาบคายรุนแรงไม่สมควรจำเลยสุดที่จะทนได้ จำเลยจึงบันดาลโทสะ เพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม แล้วพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๖๐ ประกอบด้วยมาตรา ๗๒ ให้จำคุกจำเลย ๒ ปี ข้อที่จำเลยขอให้รอการลงโทษไว้ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงผู้เสียหายเป็นอาวุธปืนลูกโม่ บรรจุกระสุนได้ถึง ๘ นัด และจำเลยยิงผู้เสียหายถึง ๕ นัด จึงไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำเลยไว้
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยยิงนางนฤมลเพราะความหึงหวง ไม่ใช่เพื่อป้องกันและไม่ใช่เพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ขอให้ลงโทษจำเลยไปตามฟ้อง
จำเลยฎีกาว่า จำเลยยิงขู่ยิงเดาไปในที่มืดและจำเลยยิงนางนฤมลเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ขอให้ยกฟ้อง ถ้าศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยยิงนางนฤมลโดยบันดาลโทสะ ขอให้วางโทษให้น้อยลงอีกและขอให้รอการลงโทษจำเลยไว้
ศาลฎีกาตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้ว
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๖๐, ๖๘, ๖๙ ให้ลงโทษจำคุกจำเลย ๓ ปี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๖๐, ๗๒ ให้ลงโทษจำคุกจำเลย ๒ ปี มีปัญหาว่า คู่ความจะฎีกาข้อเท็จจริงได้หรือไม่ ศาลฎีกาได้พิจารณาปัญหาข้อนี้โดยที่ประชุมใหญ่แล้วมีมติว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงถูกนางนฤมลและนายธรรมนูญโดยมีเจตนาฆ่า
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๖๐ ให้วางโทษจำคุกจำเลย ๑๐ ปีแล้วลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘คงให้จำคุกจำเลย ๕ ปี และให้ยกฎีกาจำเลย

Share