คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 735/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีฟ้องเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175 ซึ่งเป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษานั้น เมื่อไต่สวนสั่งว่าคดีมีมูลแล้ว ศาลแขวงไม่มีอำนาจจะยกมาตรา 176มาบังคับแก่คดี

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 1 ทำเอกสารปลอมขึ้น แล้วนำมาแกล้งฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาหาว่าโจทก์ปลอมเอกสาร จำเลยที่ 2 เป็นทนายให้จำเลยที่ 1 ในการฟ้องนั้น แต่ครั้นแล้วจำเลยได้ขอถอนฟ้องไปก่อนที่ศาลจะทำการไต่สวนมูลฟ้อง ศาลอนุญาต ต่อมาโจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ว่าจำเลยฟ้องเท็จแกล้งกล่าวหาโจทก์โดยไม่เป็นความจริงขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175

ศาลแขวงพระนครเหนือไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูลสำหรับจำเลยที่ 2 แต่ส่วนจำเลยที่ 1 นั้น คดีมีมูล แม้จะถอนฟ้องไปแล้ว แต่จำเลยยังไม่ได้ลุแก่โทษต่อศาล ไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 176ให้ประทับฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1

ทันใดที่ศาลอ่านคำสั่งนี้จบ จำเลยที่ 1 แถลงขอรับสารภาพตามฟ้องและขอลุแก่โทษต่อศาล ศาลแขวงพระนครเหนือบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาว่าจำเลยกระทำผิดแล้วลุแก่โทษต่อศาลและขอถอนฟ้องแล้ว ยังไม่ควรลงโทษจำเลยตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 176 ให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 1

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า อัตราโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175นั้น เกินอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 15 และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 13, 14 ฉะนั้น คดีสำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งมีมูลนั้น ศาลแขวงจะหมายเรียกจำเลยที่ 1 มาแก้คดีหรือยกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 176 มาบังคับไม่ได้ เพราะเป็นการพิจารณาพิพากษาของศาลที่มีอำนาจ พิพากษาแก้ให้ยกคำสั่งศาลแขวง

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share